ในระหว่างช่วงการล็อกดาวน์จาก COVID-19 เน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) คือเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสติดต่อนี้ เนื่องจากทั่วทั้งโลกต้องอยู่ในข้อจำกัดของการ “อยู่แต่ที่บ้าน” และนั่นได้เพิ่มความต้องการของความบันเทิงที่ปลอดภัยและสามารถทำได้ในอาคารมากขึ้น ในระหว่างช่วงสามเดือนที่ผ่านมา หุ้นของยักษ์ใหญ่แห่งวงการความบันเทิงผ่านอินเตอร์เน็ตนี้ไม่เพียงแต่ได้เปรียบจากตลาดขาลงแต่กราฟหุ้นเน็ตฟลิกซ์ได้พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่เนื่องจากมีผู้สมัครสมาชิกใหม่อีกหลักล้านคนหรือแม้แต่สมาชิกเก่าก็ดูภาพยนตร์และรายการต่างๆ มากยิ่งขึ้น
ก่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดทำการเมื่อวันจันทร์ หุ้นเน็ตฟลิกซ์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 40% ในปีนี้ ทำให้กลายเป็นหลักทรัพย์ด้านเทคโนโลยีที่มีผลงานดีที่สุดในปี 2020 ในช่วงเวลาเดียวกัน ดัชนี S&P 500 ได้ลดลงไปกว่า 11% ล่าสุดหุ้นเน็ตฟลิกซ์มีราคาปิดอยู่ที่ $451.04 เหรียญสหรัฐฯ ต่ำกว่าราคาปิดสูงสุดเมื่อศุกร์ที่แล้วที่ $454.29 เหรียญสหรัฐฯ ไปเพียงเล็กน้อย
รายงานผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรกเมื่อเดือนก่อนได้ทำให้เกิดการดีดตัวขึ้นสูงครั้งนี้ เมื่อเน็ตฟลิกซ์เปิดเผยตัวเลขการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของจำนวนผู้สมัครสมาชิกที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเพิ่มจำนวนเป็นทั้งหมด 15.8 ล้านบัญชี เน็ตฟลิกซ์ได้สัมผัสประสบการณ์แห่งการก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญของตัวเลขผู้ใช้งานในเดือนมีนาคมเช่นกัน เนื่องจากคนกว่าพันล้านคนที่ต้องหยุดอยู่ที่บ้านแล้วเพลิดเพลินไปกับการนั่งแช่โซฟาชมรายการยอดนิยมของบริษัทเช่นรายการ Tiger King และ Love is Blind
แม้ว่าจะมีการดีดตัวสูงในปีนี้แล้ว นักวิเคราะห์บางคนยังมองเห็นถึงการเพิ่มพูนของหลักทรัพย์เน็ตฟลิกซ์อีก บริษัท Jefferies ได้คาดการณ์ในสัปดาห์ก่อนว่าเน็ตฟลิกซ์จะกลายเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม “น่าซื้อ” โดยมีเป้าหมายของราคาอยู่ที่ $520 เหรียญสหรัฐฯ ด้วยความคาดหวังว่าจะมีการเติบโตของผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอีก 10% ขึ้นไป
Alex Giaimo นักวิเคราะห์ท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ในบันทึกถึงลูกค้าของเขาว่าสภาพการคาดการณ์ตลาดต่อหุ้นเน็ตฟลิกซ์นั้นได้รับความสนใจน้อยกว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก “เราคาดการณ์ทิศทางตลาดไว้ว่าน่าจะเติบโตมากกว่า $850 ล้านเหรียญสหรัฐโดยรับการขับเคลื่อนจากผู้ใช้งานในบ้านและทางโทรศัพท์มือถือ” เขากล่าวเสริม
“เน็ตฟลิกซ์ได้กลายเป็นผู้นำของนวัตกรรมใหม่ในหลายอุตสาหกรรม ที่จะนำให้บริษัทได้ความได้เปรียบในการเป็นผู้นำหน้าอย่างต่อเนื่อง (เราเชื่อว่าผู้ใช้งานบนโทรศัพท์มือถือจะนำมาซึ่งความสำเร็จก้าวใหม่อีก)”
คู่แข่งภายใต้ความกดดันทางการเงิน
นอกจากการสนใจเพียงสาเหตุระยะสั้นในการซื้อหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ในมุมมองของพวกเรานั้น นักลงทุนควรพิจารณาถึงปัจจัยส่งเสริมทางบวกอื่นๆ ด้วย ปัจจัยหนึ่งก็คือต้องใช้เวลานานมากกว่าที่คู่แข่งวีดีโอสตรีมมิ่งที่จะสามารถอยู่ในระดับที่ท้าทายการเป็นผู้นำของเน็ตฟลิกซ์ได้อย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลให้เกิดการลดระดับความก้าวหน้าในระยะยาวได้อย่างแท้จริง
คู่แข่งสำคัญ ดิสนีย์ (NYSE:DIS) และแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ทั้งสองบริษัทเพิ่งปล่อยบริการวีดีโอออนไลน์ของพวกเขาเองในชื่อ Disney+ และ Apple TV+ ในเดือนพฤษจิกายนที่ผ่านมา รวมไปถึง AT&T (NYSE:T) บริษัทลูกของ WarnerMedia วางแผนที่จะเปิดตัว HBO Max ในวันที่ 27 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ และ NBCUniversal ของ Comcast (NASDAQ:CMCSA) ก็จะเปิดตัวบริการ Peacock ในสหรัฐฯ ในวันที่ 15 กรกฎาคม ปีนี้เช่นกัน
ดิสนีย์คือหนึ่งในคู่แข่งสำคัญในปัจจุบันที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ รับความเสียหายจากวิกฤตสุขภาพทั่วโลก ที่ทำให้บ้านของเจ้าหนูมิกกี้เมาส์เสียหายถึง $1,400 ล้านเหรียญในไตรมาสที่ผ่านมาเพราะทุกส่วนของธุรกิจของดิสนีย์ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้
ธุรกิจวีดีโอสตรีมมิ่งของบริษัทหรือ Disney+ เป็นเพียงทางออกเดียวของบริษัทความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ การชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของการใช้บริการสวนสนุก และธุรกิจอื่น ๆ ทำให้ดิสนีย์ไม่สามารถโยกเงินสดมาที่ธุรกิจวีดีโอสตรีมมิ่งของตัวเองได้
ความเสี่ยงที่เป็นไปได้อย่างหนึ่งของเน็ตฟลิกซ์ที่กล่าวโดยทีมบริหารของบริษัทคือหลังจากที่การแพร่เชื้อลดลง ผู้ใช้งานอาจจะปล่อยให้สิทธ์การเป็นสมาชิกหมดอายุไปหลังจากพวกเขาไม่จำเป็นต้องกักตัวอีกต่อไป
“เช่นเดียวกับบริการความบันเทิงในบ้านอื่น ๆ พวกเราเห็นจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้นอย่างชั่วคราว” บริษัทกล่าวเช่นนี้ในจดหมายที่ส่งถึงนักลงทุน “พวกเราคาดว่ายอดผู้เข้าชมจะลดลง และการเติบโตของสมาชิกชะลอตัวเมื่อการจำกัดพื้นที่ให้อยู่เพียงในบ้านนั้นจบลง”
เน็ตฟลิกซ์คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 2 บริษัทจะมีผู้สมัครสมาชิกใหม่จำนวน 7.5 ล้านบัญชีซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงในสถานการณ์ปกติแต่ยังนับว่าน้อยกว่าในไตรมาสก่อนหน้า
โดยสรุปแล้ว
หากมองข้ามวิกฤตทางสุขภาพในปัจจุบันนี้ไป พบว่ามีเหตุผลที่น่าเชื่อถือมากมายที่ทำให้เชื่อว่าเน็ตฟลิกซ์มีศักยภาพในการเติบโตมากยิ่งขึ้น การลงทุนในรายการต่าง ๆ จำนวนมาก, การกระจายตัวทางเศรษกิจ, ขอบเขตการเติบโตและความได้เปรียบทางเทคโนโลยีนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนบริษัทอย่างต่อเนื่องให้เน็ตฟลิกซ์เป็นหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่งต่อไป