บริษัทดิสนีย์ (NYSE:DIS) เจ้าของสื่อภาพยนตร์ระดับโลกกำลังอยู่ระหว่างทางแยกที่จะต้องเลือกว่าขึ้นหรือลง ธุรกิจของดิสนีย์ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุก รีสอร์ท ภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพิษการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากรายงานตัวเลขผลประกอบการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่าตัวเลขผลกำไรรวมของดิสนีย์ขาดไป $1,400 ล้านเหรียญสหรัฐในการที่จะไปให้ถึงเป้าที่บริษัทคาดการณ์ $1,000 ล้านเหรียญที่หายไปคือเฉพาะกำไรของสวนสนุกเท่านั้นส่วนที่เหลือคือมาจากธุรกิจประเภทอื่นๆ
พายุวิกฤตของดิสนีย์ยังไม่สิ้นสุดลงแค่นั้นเพราะไตรมาสนี้เราจะได้เห็นตัวเลขผลกระทบที่ดิสนีย์ได้รับแบบเต็มๆ จากธุรกิจความบังเทิงทุกรูปแบบที่บริษัทมี นอกจากธุรกิจในส่วนที่เราได้พูดถึงไปแล้วช่องเคเบิ้ลสุดฮิตอย่าง ESPN ก็ยังไม่สามารถถ่ายทอดสดกีฬาใดๆ ได้ นักวิเคราะห์คาดว่าดิสนีย์จะขาดทุนเพิ่มอีก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สถานการณ์ราคาหุ้นของดิสนีย์ล่าสุดพบว่าหุ้นบริษัทในปี 2020 ยังคงติดลบอยู่ ล่าสุดเมื่อวานนี้หุ้นดิสนีย์ปรับตัวลดลงมาอีก 1.27% มีระดับราคาเมื่อวานนี้อยู่ที่ $107.77 อย่างไรก็ตามดิสนีย์ได้ออกมาตรการรองรับหลายรูปแบบเพื่อช่วยลดผลกระทบให้กับบริษัทตัวเองอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดิสนีย์ได้มีมาตรการเลิกจ้างพนักงานประมาณ 1,000 คนเป็นการชั่วคราวและประกาศลดเงินเดือนของพนักงานระดับสูง สัปดาห์ที่แล้วดิสนีย์พึ่งออกมาประกาศว่าจะงดการปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในเดือนกรกฎาคม กลยุทธ์รัดเข็มขัดเหล่านี้ช่วยให้ดิสนีย์สามารถประหยัดเงินไปได้มากถึง $1,600 ล้านเหรียญสหรัฐและลดค่าใช้จ่ายจากต้นทุนไปได้มากถึง $900 ล้านเหรียญสหรัฐ
จากสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้และอนาคตทางเศรษฐกิจที่ยังไม่มีความชัดเจน นักลงทุนในหุ้นดิสนีย์ต้องประสบกับความยากลำบาก พวกเขาควรขายหุ้นดิสนีย์ทิ้งดีหรือไม่? หรือยังควรฝากความหวังไว้กับบริษัทที่เป็นบ้านของเจ้าหญิงทั้ง 7 ผู้เลอโฉมดี?
บนเส้นทางของการฟื้นตัวของอาณาจักรแห่งเทพนิยาย
นักวิเคราะห์ในสถาบันการเงินส่วนใหญ่ยังคงมีความหวังกับอนาคตของบริษัทดิสนีย์ นักลงทุน 22 คนจาก 33 คนยังคงให้คะแนนหุ้นดิสนีย์ว่าเป็นหุ้นอยู่ในกลุ่ม “น่าซื้อ” 10 คนแนะนำให้ถือเอาไว้ก่อนที่เหลืออีก 1 คนแนะนำให้ขายทิ้ง
เพราะดิสนีย์ยังถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ที่ถือครองสื่อและสินทรัพย์ในธุรกิจบันเทิงเอาไว้อยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ถูกควบคุมได้มีโอกาสที่บริษัทดิสนีย์จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว โรเบิร์ต ไอเกอร์ CEO ของดิสนีย์กล่าวย้ำในการพูดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมาสัปดาห์ที่แล้วว่า “บริษัทจะสามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตนี้ไปได้”
ถือว่าในวิกฤตยังมีโอกาส โชคดีที่เมื่อปลายปีที่แล้วดิสนีย์สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์บริการวิดีโอสตรีมมิ่งใหม่อย่าง “ดิสนีย์+” ได้ทัน หลังจากที่โควิด-19 ระบาดและทำให้มนุษย์จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น บริษัทพบว่าบริการดิสนีย์+ สามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว มีผู้สมัครสมาชิกมากกว่า 56 ล้านคนตั้งแต่ช่วงเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน แม้ว่าตอนนี้ดิสนีย์+ จะยังไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทผู้ให้บริการสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ได้แต่อัตราการเติบโตที่กำลังพิสูจน์ตัวเองให้บริษัทได้เห็นตอนนี้เชื่อว่าดิสนีย์จะไม่ทิ้งดิสนีย์+ หลังผ่านวิกฤตโควิด-19 อย่างแน่นอน
นอกจากปัจจัยสนับสนุนจากดิสนีย์+ แล้วดิสนีย์กำลังเริ่มฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ เพราะดิสนีย์แลนด์ในกรุงเซียงไฮ้สามารถกลับมาเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้อีกครั้งหลังจากปิดไปตั้งแต่เดือนมกราคม อย่างไรก็ตามดิสนีย์แลนด์ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดดำเนินกิจการได้เพียง 30% ของพื้นที่ทั้งหมดและสามารถรับนักท่องเที่ยวได้เพียง 24,000 คนต่อวันเท่านั้น
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่าการที่จะเข้าไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ในกรุงเซียงไฮ้ได้นั้นนักท่องเที่ยวจะต้องเจอกับด่านตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและตรวจสอบสถานะทางสุขภาพผ่านแอปฯ ติดตามผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา การสวมหน้ากากอนามัยคือข้อบังคับ การแสดงบางอย่างยังไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงได้เช่นขบวนพาเหรด พลุไฟ การได้สัมผัสกับตัวละครในฝัน เป็นต้น
โดยสรุปแล้ว
หุ้นดิสนีย์ในปัจจุบันสามารถดีดตัวกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเดือนมีนาคมได้เพื่อแสดงให้เห็นว่าในสถานการณ์ที่มืดมิดที่สุดนักลงทุนผู้ศรัทธาในโลกเทพนิยายยังคงไม่ยอมละทิ้งความหวังในตัวดิสนีย์และเชื่อว่าสิ่งที่ดิสนีย์มีอยู่ในมือจะสามารถพาดิสนีย์กลับมาได้ทันทีเมื่อโลกกลับสู่สภาวะปกติแล้ว
ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าตัวเลขผลประกอบการของดิสนีย์คงไม่อาจกลับคืนสู่ตัวเลขปกติได้ในเร็ววันนี้จนกว่าโลกจะพบยารักษาไวรัสโคโรนาอย่างแท้จริง สำหรับระยะยาวแล้วการลงทุนในหุ้นดิสนีย์จึงเถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า