📊 ดูวิธีการที่นักลงทุนชั้นนำสร้างพอร์ตของพวกเขาค้นหาไอเดียการเทรด

ภาพรวมตลาดโภคภัณฑ์สัปดาห์นี้: น้ำมันยังคงเจ็บจากปัญหาอุปสงค์ล้นส่วนทองคำคงอยู่ที่ $1,700

เผยแพร่ 28/04/2563 12:24
XAU/USD
-
DJI
-
XOM
-
DX
-
GC
-
LCO
-
CL
-
SHEL
-
BP
-
WTI/USD
-

สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ที่ยังอยู่ในระดับแย่จะสามารถดีขึ้นได้เร็วแค่ไหน ประโยคนี้หมายถึงภาพรวมของตลาดน้ำมันสหรัฐฯ ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นราคาขายน้ำมันดิบหน้าที่ขุด,รายงานการผลิตน้ำมันจาก EIA ,จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ยังเปิดใช้งานอยู่จาก Baker Hughes, การประกาศลดตัวเลขรายจ่ายเพื่อการได้มาของสินทรัพย์ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการเพื่อหารายได้ (CAPEX) จากบริษัทผู้ผลิตน้ำมันหลักอย่างเช่น Exxon (NYSE:XOM), BP (NYSE:BP) และ Shell (NYSE:RDSa)

ส่วนราคาทองคำแม้จะยังอยู่ในเส้นทางการวิ่งขึ้นไปหา $1,800 แต่เพราะความผันผวนอาจทำให้ราคายังคงวนเวียนอยู่ที่บริเวณ $1,700 ปัจจัยที่อาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงคือสัปดาห์นี้มีการประชุมอัตราดอกเบี้ยจาก 3 ธนาคารกลางใหญ่ๆ ของโลกประกอบด้วยญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในวันพฤหัสบดีนี้ยังคงเป็นที่น่าจับตามองว่าสหรัฐฯ จะสามารถทำตัวเลขให้ลดลงได้อีกหรือไม่ หากว่าทำได้ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงสวนทางกับดัชนีดาวโจนส์และสกุลเงินดอลลาร์

นาย Dominick Chirichella นักวิเคราะห์จากสถาบันด้านการจัดการพลังงาน ณ กรุงนิวยอร์กเชื่อว่าภาพรวมในระยะสั้นตลาดลงทุนยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงเพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับโควิด-19 อยู่ทั่วโลก ผู้คนยังไม่กล้าออกมาใช้ชีวิตตามปกติและความกลัวนั้นคือสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อความต้องการน้ำมันดิบ  ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ตลาดลงทุนฝั่งเอเชียในช่วงบ่ายของวันจันทร์พบว่าราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 9% และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 3%

ความกังวลต่อการหดตัวของสภาพคล่องในตลาดราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่จะส่งมอบในเดือนมิถุนายน

ราคาน้ำมันดิบ WTI กำลังเจอแรงกดดันที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นว่าการส่งมอบน้ำมันดิบล่วงหน้าของเดือนมิถุนายนนี้จะติดลบอีกครั้งเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 20 เมษายน WTI 300 Minute Chart

ราคาน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนมิถุนายนจบสัปดาห์ที่แล้วด้วยการติดลบไปมากกว่า $4 เหรียญต่อบาร์เรลส่งผลให้น้ำมันดิบ WTI สปอตหายไปเกือบ 220 ล้านบาร์เรลคิดเป็นการหายไปของสภาพคล่องในราคาน้ำมันดิบประมาณ 25 ล้านบาร์เรล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่านักลงทุนในตอนนี้ยังคงเลือกความปลอดภัยมาก่อนที่จะไปหาซื้อสัญญาที่จะมีการส่งมอบน้ำมันในระยะเวลาอันใกล้ เท่ากับว่าในเดือนมิถุนายนนี้จึงเริ่มมีเสี่ยงว่าจะเกิดเหตุการณ์เดียวกันกับสัญญาส่งมอบในเดือนมิถุนายนมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามปัจจัยหนุนของราคาน้ำมันดิบกำลังจะมาถึงในวันศุกร์นี้แล้ว เมื่อเราก้าวเข้าสู่เดือนพฤษภาคมก็คือเวลาที่โอเปกจะลดกำลังการผลิตน้ำมันตามที่ได้รักษาสัญญาเอาไว้ กลุ่ม OPEC (ที่ตอนนี้ได้ชื่อเล่นใหม่ไปแล้วว่า GLOPEC) สัญญาว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประเทศคูเวตซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 4 ของกลุ่มโอเปกกล่าวว่าพวกเขาได้เริ่มลดกำลังการผลิตล่วงหน้าไปแล้วเช่นเดียวกันกับไนจีเรีย สหรัฐอเมริกาก็ได้สั่งให้แท่นขุดเจาะน้ำมันจำนวน 305 แท่นหยุดการขุดเจาะน้ำมันซึ่งคิดเป็น 45% ของกำลังการขุดทั้งหมดเช่นเดียวกันกับการลด CAPEX ลงเพื่อช่วยโอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมัน

นอกจากทางภาครัฐแล้ว บริษัทเอกชนทั้ง 3 แห่งใหญ่ๆ อย่าง BP, Shell และ Exxon ก็จะช่วยลด CAPEX ด้วยเช่นกัน รอยเตอร์รายงานว่ารัสเซียเองมีความคิดจะเผาน้ำมันทิ้งซึ่งเป็นทางที่จะสามารถลดน้ำมันที่ผลิตออกมาได้เร็วที่สุดแล้ว

อนึ่งบริษัท BP จะรายงานผลประกอบการในวันอังคาร ของ Shell จะรายงานในวันพฤหัสบดีและ Exxon จะรายงานในวันศุกร์

การลดกำลังการผลิตน้ำมันที่แข่งกับเวลา

แต่ข่าวร้ายก็คือวิธีและความพยายามลดกำลังการผลิตน้ำมันที่ได้พูดถึงไปอาจจะยังไม่เร็วพอเมื่อเทียบกับปริมาณความต้องการน้ำมันที่ลดลงวันละ 20-30 ล้านบาร์เรลต่อวัน บางครั้งเวลา 24 ชั่วโมงที่มนุษย์มีก็ยุติธรรมกับทุกฝ่ายมากเกินไป

อ้างอิงข้อมูลจาก EIA ที่เก็บน้ำมัน WTI ในเมือง Cushing รัฐโอคลาโฮมามีพื้นที่เหลืออีกเพียง 16 ล้านบาร์เรล และเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา Cushing พบว่ามีน้ำมันเพิ่มเข้าอีก 5 ล้านบาร์เรล ถ้าอัตราน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้นอย่างคงที่แบบนี้ภายในอีก 2 สัปดาห์เท่านั้นที่เก็บน้ำมันในเมืองนี้จะเต็มอย่างที่หลายๆ ฝ่ายกังวลกัน ณ ตอนนี้สหรัฐฯ สามารถลดกำลังการผลิตได้น้อยกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในขณะที่ EIA มีรายงานว่ากำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ลดลงมาจากจุดสูงสุดที่ 13.1 ล้านบาร์เรลเมื่อกลางเดือนมีนาคมเหลือ 12.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว

สถาบันทางการเงินชื่อดังอย่างโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า ตลาดราคาน้ำมันกำลังอยู่ในจุดที่ต้องลุ้นที่สุดว่าในเวลาอีกไม่เกิน 3 สัปดาห์เราจะได้เห็นภาพราคาน้ำมันเต็มความจุจริงๆ กันหรือไม่ แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์โควิด-19 ในหลายจุดที่เคยเป็นศูนย์กลางการแพร่เชื้อจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นแต่กว่าปริมาณความต้องการจะกลับมาได้ก็ต้องใช้เวลาอีก 4-8 สัปดาห์

ส่วนราคาทองคำทิศทางจะเป็นเช่นไรนั้นขึ้นอยู่กับผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

อินเดียแห่ซื้อทองท่ามกลางวิกฤตโควิด-19

ในสัปดาห์ที่แล้วแม้ขาขึ้นจะมีความลำบากติดๆ ขัดๆ อยู่บ้างแต่โดยรวมถือว่าตลาดพอใจที่ราคาไม่ได้กลับลงไปอยู่ต่ำกว่า $1,700 ได้อีก

Gold Weekly

ราคาทองคำได้รับผลพลอยได้จากวันเทศกาลแห่ซื้อทองตามความเชื่อของฮินดูในประเทศอินเดียที่มีชื่อว่าวัน “Akshaya Tritiya Day” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นไปมากกว่า 8% แม้ว่าประชากรอินเดียจำนวน 1,400 ล้านคนยังต้องเก็บตัวอยู่บ้านตามมาตรการของภาครัฐเพื่อลดโควิด-19

ผู้อำนวยการของบริษัทลงทุนออนไลน์นาย Sachin Kothari กล่าวว่า “วัน Akshaya Tritiya ถือเป็นวันทางศาสนาของอินเดียที่มีความสำคัญไม่ว่าคนจะถูกกัดตัวอยู่บ้านหรือไม่อย่างไร พวกเขาก็จะหาทางถือทองคำเอาไว้อยู่ดี”

สำหรับชาวอินเดียแล้วทองคำถือเป็นแร่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ นอกจากจะมีไว้เพื่อบูชาแล้วพวกเขานิยมใช้ทองคำในการแสดงฐานะของตนเองด้วย วิหารหรือรูปปั้นที่เป็นวัฒนธรรมของฮินดูส่วนใหญ่แล้วล้วนมีทองคำเป็นส่วนประกอบ ธนาคารกลางของอินเดียจึงถือเป็นหนึ่งในผู้ถือทองคำเป็นสินทรัพย์สำรองมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง นี่คือสาเหตุว่าทำไมอินเดียถึงนำเข้าทองคำปีละ 800-900 เมตริกตัน

นักวิเคราะห์ของ OANDA นาย Jeffrey Halley มีความเห็นว่า “ถ้าตัดแรงซื้อขายของนักลงทุนที่ชอบเทรดในกราฟรายวันออกไปจะพบว่าจริงๆ แล้วทุกวันนี้เราเทรดกันอยู่ในกรอบราคาทองคำระหว่าง $1,740 - $1,640 ต่อออนซ์ ดังนั้นหากนักลงทุนรายเล็กที่ต้องการเทรดทองคำในกรอบ $100 นี้ก็สามารถนำข้อมูลนี้ไปพิจารณาการเล่นอยู่ในกรอบสวิงของทองคำได้”

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย