ยิ่งเหตุการณ์ในช่วงนี้ มีทั้งวิกฤติและโอกาส เข้ามามากมายให้ตัดสินใจ
โอกาสมีอยู่ในทุกๆที่ ทุกๆเวลา บางครั้งมันก็มาแบบไม่ทันตั้งตัวไว้ และแน่นอนการจะคว้าโอกาสนั้นมาได้ ย่อมมีสิ่งที่ต้องแลกด้วยเสมอ ที่เห็นได้ชัดๆคือ เงิน, เวลา, แรงงาน หรือ อื่นๆ
หากวันดีคืนดี มีเพื่อนมาชวนลงทุน ต้องการเงินทุนจากเรา 1 ล้านบาท เมื่อขายอะไรเสร็จ มีโอกาสได้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้าน โห นี่มันกำไร 300% ชัดๆ เราก็ไปทำการบ้าน หาข้อมูล คิดรอบคอบ จนถี่ถ้วนแล้ว สุดท้ายดูน่าสนใจและมีโอกาสทำกำไรได้จริงๆ
“มันได้มากกว่าเสีย !!!!”
จริงอยู่โอกาสที่ทำกำไรมันช่างหอมหวนเหลือเกิน เรามักจะมีอารมณ์ร่วม และเอนเอียงไปทางโลกสวยเสียมาก เพราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว พวกคาสิโน แก๊งค์หลอกลวง แชร์ลูกโซ่ ก็ใช้จุดนี้ในการชี้ชวนคน
สิ่งนึงที่อยากให้นำเอาไปคิดด้วยคือ exit plan (แผนการออก) ถ้าเทรดหุ้น หรือ forex ก็ คือ จะหยุดทำกำไรที่จุดไหน และ จุดตัดขาดทุนเมื่อเกิดเหตุการณ์ ไม่คาดฝัน
“สิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นคือ อะไร ???”
จากตัวอย่าง หากแย่สุดคือ เราสูญเงินไปทั้งหมด 1 ล้านบาท “เรายังโอเครไหม???” จะกระทบกับชีวิตเราขนาดไหน หากไม่มากและเรามีแผนรองรับ มันก็น่าสนใจเลยทีเดียว แต่ถ้ามันกระทบกับชีวิตมาก ถึงขั้นการเงินขัดสน ลามไปถึงเดือดร้อนคนรอบตัวและคนอื่น อันนี้ผมว่าก็ควรผ่านนะครับ
สุดท้ายแม้ว่าเราทำการบ้านมาอย่างดีมากๆ แต่ปรากฏว่าเป็นการลงทุนที่ล้มเหลว หรือ ซวยโดนหลอกอีก หากเราวาง exit plan (แผนการออก) มาดี สภาวะจิตใจ อารมณ์ และฐานะการเงิน เราจะไม่เสียหายไปมากนัก และพร้อมที่จะคว้าโอกาสต่อไปเมื่อถึงเวลา เพราะเราวางแผนไว้หมดแล้ว
ตามคำพูดของเจ้าสัว ธนินทร์ ว่า “เสี่ยง 30 ชนะ 70 ถ้าความเสี่ยงนั้นไม่ทำให้เราล้มละลาย ผมพร้อมจะเสี่ยง”
“มีสติทุกขณะที่ลงทุน”
เป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านนะครับ
บทความนี้จัดทำเลยเผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ About Traders