- สตาร์บัคส์จะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ในวันอังคารที่ 28 เมษายนหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลประกอบการ: $5,910 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น:$0.34
บริษัทเจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์กาแฟชื่อดังอย่างสตาร์บัคส์ (NASDAQ:SBUX) คือบริษัทแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ที่กำลังจะถึงนี้เราจะได้ทราบกันแล้วว่าสตาร์บัคส์ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด เมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตจากตัวเลขยอดขายของสาขาเดิมในสหรัฐฯ (มาตรวัดหลักสำหรับธุรกิจร้านอาหาร) ในวันที่ 11 มีนาคมพบว่ามีตัวเลขอยู่ที่ 8% และในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมพบว่าอัตราการเติบโตลดลงมาอยู่ระหว่าง 60-70% สาเหตุก็เป็นเพราะหลายๆ สาขาของสตาร์บัคส์ที่เปิดอยู่ทางอเมริกาเหนือถูกจำกัดการเปิดให้บริการ
สตาร์บัคส์คาดการณ์ว่าตัวเลขผลกำไรทั้งหมดในไตรมาสที่สองจะหายไปเกือบครึ่งหนึ่งเพราะไวรัสโคโรนาสร้างผลกระทบต่อแหล่งทำกำไรโดยตรงคือสหรัฐฯ และประเทศจีน แม้แต่ภาพรวมตลาดตลอดทั้งปี 2020 สตาร์บัคส์เองก็ให้นิยามสั้นๆ ว่า “เป็นไปตามไดนามิคของธรรมชาติ” ยอดขายตลอดทั้งปี 2020 สตาร์บัคส์คาดว่าจะเติบโตอยู่ระหว่าง 6-8% ในขณะที่ตัวเลขอัตราการเติบโตจากตัวเลขยอดขายของสาขาเดิมจะอยู่ที่ 3-4% เท่านั้น
ไม่ใช่แค่เฉพาะสตาร์บัคส์เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบแต่แทบจะทุกบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารล้วนแล้วแต่อยู่ในภาพของความไม่แน่นอนเมื่อโควิด-19 บังคับให้มนุษยชาติต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอย่างรวดเร็วและยาวนานกว่าที่คิด ผู้คนงดการไปนั่งสตาร์บัคส์อย่างที่เคยทำกันอย่างเป็นธรรมเนียมและสตาร์บัคส์เองก็ได้ออกมาเตือนนักลงทุนว่าตัวเลขในไตรมาสที่ 3 และ 4 ก็อาจจะไม่ดีขึ้น ล่าสุดเมื่อวันจันทร์หุ้นสตาร์บัคส์มีราคาปิดอยู่ที่ $77.74 มีตัวเลขการปันผลรายปีอยู่ที่ 2.12% นับตั้งแต่ปี 2020 มาจนถึงปัจจุบันหุ้นสตาร์บัคส์ปรับตัวลดลงมาแล้ว 14%
ขาขึ้นครั้งนี้ของหุ้นสตาร์บัคส์จะไว้ใจได้จริงหรือไม่
แม้เส้นทางข้างหน้าจะยังไม่มีความชัดเจนแต่เมื่อพิจารณาการกลับตัวขึ้นมาของหุ้นสตาร์บัคส์ก็ยังดูน่าเชื่อถือและมั่นคงกว่าอีกหลายๆ บริษัทเพราะโควิด-19 ทำเพียงแค่สร้างความปั่นป่วนให้กับการขายหน้าร้านและการส่งมอบวัตถดิบไปยังที่ต่างๆ ของโลกเท่านั้น แต่ในแง่ของคุณภาพและโมเดลธุรกิจกลับไม่ได้มีอะไรเสียหายไปเลยแม้แต่น้อย
ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสตาร์บัคส์ได้รับกระแสตอนรับที่ดีจากลูกค้าอยู่เสมอ ในภูมิภาคทางอเมริกาเหนือการเติบโตของสตาร์บัคส์นั้นสูงโดดเด่นกว่าที่อื่นๆ ด้วยเทคโนโลยี การบริการลูกค้าและการเปลี่ยนรูปแบบการบริการอยู่เสมอ สร้างผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นเสมอมา
ในแง่ของกลยุทธ์ทางธุรกิจสตาร์บัคส์ยังคงเป็นอันดับหนึ่งของกาแฟเฟรนไชส์ไม่ใช่แค่เฉพาะในสหรัฐฯ แต่ยังรวมไปถึงประเทศจีนซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลางอัตราการเติบโตของบริษัทในทวีปเอเชีย นอกจากนี้ยังพบว่าแคมเปญการมอบของรางวัลเป็นการตอบแทนแก่ลูกค้าที่ใช้บริการสตาร์บัคส์เป็นประจำมีอัตราการเติบโตแบบปีต่อปีอยู่ที่ 16% คิดเป็น 18.9 ล้านคนทั่วสหรัฐอเมริกา ด้วยสถานะและกลยุทธ์ของบริษัทที่แข็งแกร่งเชื่อว่าเมื่อทุกอย่างกลับเป็นปกติแล้วสตาร์บัคส์ก็จะสามารถกลับมาได้อย่างไม่ยากเย็น
ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ เท่านั้นแต่ยังหมายถึงผลกำไรก็จะกลับมาในประเทศจีนด้วย นอกจากเรื่องความแข็งแกร่งของแบรนด์แล้วยังมีเรื่องที่บริษัทคู่แข่งอย่าง Luckin Coffee (NASDAQ:LK) ซึ่งมีอัตราการเติบโตของผลกำไรในจีนเร็วเช่นกันพบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการฉ่อโกงจนส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วงลงมากถึง 80% ในตอนแรก Luckin Coffee วางแผนไว้ว่าจะเพิ่มสาขาให้ได้อีก 10,000 สาขาภายในปี 2021 แต่เพราะข่าวนี้ดูเหมือนว่าอนาคตของ 10,000 สาขาจำเป็นจะต้องรอไปก่อน
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หุ้นสตาร์บัคส์เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาวคือเงินที่อยู่ในมือของบริษัท จากตัวเลขรายงานผลประกอบการรอบล่าสุดสตาร์บัคส์ได้เปิดเผยว่าพวกเขามีเงินสดอยู่ในมือมากถึง $2,500 ล้านเหรียญสหรัฐและมีการกู้ยืมระยะสั้นอยู่ที่ $3,500 ล้านเหรียญทำให้บริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้
นอกจากจะมีสภาพคล่องแล้วบริษัทยังมีวิธีเพิ่มสภาพคล่องให้กับตัวเองด้วย สตาร์บัคส์เลือกที่จะงดไม่ให้มีการซื้อคืนหุ้นของบริษัทชั่วคราว ยืดระยะเวลาของรายจ่ายเพื่อการได้มาของสินทรัพย์ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการเพื่อหารายได้ออกไปและลดค่าใช้จ่ายในบางส่วนลง นอกจากจะเพิ่มสภาพคล่องแล้วบริษัทยังไม่ต้องการที่จะตัวเลขของเงินปันผลในแต่ละไตรมาสซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ $0.41 ลง
โดยสรุปแล้ว
สตาร์บัคส์ยังคงเป็นหุ้นที่น่าลงทุนในระยะยาวเพราะพวกเขามีเงินสำรองพร้อมทั้งยังมีวิธีเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับตัวเองเพื่อปกป้องผู้ถือหุ้น สถานการณ์ของสตาร์บัคส์จะค่อยๆ ดีขึ้นตามสถานการณ์ของโควิด-19 ทั้งในสหรัฐฯ และประเทศจีน ดังนั้นนักลงทุนจึงควรหาโอกาสเข้าซื้อเพื่อเป็นเจ้าของหุ้นสตาร์บัคส์เมื่อราคาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม