- Intel จะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายนหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- ผลกำไรรวมที่คาดว่าจะทำได้: $18,630 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ตัวเลขคาดการณ์การปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS): $1.28
บริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างอินเทล (NASDAQ:INTC) กำลังกลายเป็นที่จับตามองของนักลงทุนเมื่อบริษัทจะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ของปี 2020 ในวันพรุ่งนี้ สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจคือบริษัทจะออกมาพูดอย่างไรเกี่ยวกับผลงานขาขึ้นที่ผ่านมาทั้งๆ ที่บริษัทส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่อินเทลกลับสามารถยืนหยัดอยู่ได้และทำผลงานได้ดีกว่าบริษัทอื่นๆ
อ้างอิงข้อมูลจากดัชนี Philadelphia Semiconductor Index ระบุว่าหุ้นอินเทลปรับตัวลดลงมาเพียง 6% เท่านั้นเมื่อเทียบกับตัวดัชนีเองที่ร่วงลงมามากถึง 14% จากความเป็นกังวลของตลาดที่มีต่อสายพานการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ล่าสุดเมื่อวานนี้หุ้นอินเทลมีราคาปิดอยู่ที่ $56.36 ปรับตัวลดลงมา 5%
ท่ามกลางความกังวลที่มีต่อผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 อินเทลกลับสามารถคงตัวเลขบัญชีงบดุลของบริษัทเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เชื่อว่าเพราะความจำเป็นต้องทำงานอยู่บ้านของมนุษย์คือปัจจัยเพิ่มความต้องการซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและการทำงานผ่านระบบคลาวด์มากขึ้น
ยอดขายอันแข็งแกร่งคือที่มาของตัวเลขผลประกอบการที่ดีขึ้น
ก่อนที่ไวรัสโควิด-19 จะเกิดขึ้นเดิมอินเทลก็ถือเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งอยู่แล้วจากความต้องชิปคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คในปี 2019 ที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งชิปอินเทลเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับบริษัทหรือองค์กรที่ต้องการทำศูนย์ข้อมูลกลาง การมาของโควิด-19 คือการเร่งให้มนุษย์ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลเร็วขึ้น
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขผลประกอบการของอินเทลในรอบนี้จะสูงกว่าไตรมาสที่ 4 ปี 2019 ไม่ใช่แค่เฉพาะอินเทลเท่านั้นแต่บริษัทที่หันไปลงทุนกับธุรกิจคลาวด์มากขึ้นอย่างแอมะซอน (NASDAQ:AMZN) กับไมโครซอฟท์ (NASDAQ:MSFT) ก็พบว่ามีอัตราการเติบในแง่ของผลกำไรสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
นอกจากชิปคอมพิวเตอร์แล้วรายงานจาก NPD ระบุว่าในครั้งนี้อินเทลจะได้รับยอดขายที่มากกว่าที่คาดการณ์จากการขายอุปกรณ์อื่นๆ สำหรับคอมพิวเตอร์ด้วยอย่างเช่นคีย์บอร์ด เมาส์ หน้าจอคอมพิวเตอร์และแน่นอนว่าโน๊ตบุ๊ค
“เฉพาะเดือนมีนาคมอินเทลมียอดหน้าหน้าจอคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในสองสัปดาห์แรกของเดือน ส่วนโน๊ตบุ๊คเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่ามียอดขายกระโดดขึ้น 30% แบบปีต่อปีในเดือนกุมภาพันธ์และยอดขายก็เพิ่มขึ้น 50% ในเดือนมีนาคม” - รายงานจาก NPD
ในปีที่แล้วแม้จะถือว่าอินเทลทำผลงานได้ดีแต่บริษัทก็ประสบปัญหาจากคู่แข่งอยู่บ้างเมื่อคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Taiwan Semiconductor Manufacturing (NYSE:TSM) และ AMD (NASDAQ:AMD) แข่งกันพัฒนาชิปคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กกว่า 14 นาโนเมตรซึ่งปรากฏว่า AMD สามารถทำได้ที่ 7 นาโนเมตรทำให้ผู้บริโภคบางส่วนหันไปหาบริษัทคู่แข่ง
แต่ด้วยสถานการณ์ในปีนี้ที่โควิด-19 กำลังคุกคามทุกบริษัทอย่างเท่าเทียม อินเทลที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์เบอร์ต้นๆ ของโลกก็สามารถลดช่องแคบจุดอ่อนการผลิตชิปได้สำเร็จด้วยผลงานการผลิตชิปที่มีขนาดความยาว 10 นาโนเมตรหรือมีขนาดเล็กกว่าขนาดความกว้างของเส้นผมมนุษย์ 10 เท่า
โดยสรุปแล้ว…
ด้วยความตั้งใจที่จะอัปเกรดเทคโนโลยีและผลิตชิปคอมพิวเตอร์ให้ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ หุ้นของอินเทลในตอนนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ถูกมากเมื่อเทียบกับงบบริษัทที่ลงทุนไปกับฝ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) หุ้นของอินเทลจึงเป็นตัวเลือกระยะยาวที่ดีของนักลงทุน
ยิ่งไปกว่าน้นหุ้นอินเทลมีตัวเลขการปันผลประจำปีอยู่ที่ $1.32 คิดเป็น 2.23% และการเติบโตของการปันผลอยู่ที่ 7% ต่อปียิ่งทำให้หุ้นของอินเทลมีความน่าสนใจที่จะถือเอาไว้ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ช่วงถดถอยแต่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะมีโอกาสเติบโตขึ้นอีกมากหลังวิกฤตโควิด-19