- บริษัทจะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ในวันที่ 20 เมษายนหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ผลกำไร: $17,630 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS): $1.78
ในข้อมูลรายงานผลประกอบการจากบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง IBM (NYSE:IBM) วันนี้สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจมีอยู่ 2 ประการ หนึ่งคือวิกฤตไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไรและแผนสร้างรูปแบบการจัดการใหม่จะช่วยตัวเลขผลประกอบการของบริษัทได้ดีขึ้นมากแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือการรายงานผลประกอบการครั้งแรกหลังจากที่นางจินนี โรเม็ตตีก้าวลงจากตำแหน่ง CEO เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมาเพราะบริษัทมียอดขายที่ลดลงและไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นเพื่อแย่งตลาดธุรกิจคลาวด์มาได้ บริษัทจึงได้แต่งตั้งคนใหม่ขึ้นมาแทนคือนายอาร์วิน คริชนาผู้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบคลาวด์ นอกจากนี้นาย James Whitehurst ซีอีโอของ Red Hat ที่ IBM เพิ่งซื้อกิจการเสร็จจะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานบริษัท (President) ของ IBM อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งบริหารและโครงสร้างการจัดการใหม่ของ IBM ทำให้ยอดขายของบริษัทดีขึ้นและกลายเป็นคู่แข่งที่กลับมาน่าจับตามองอีกครั้งนอกเหนือจากยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ (NASDAQ:MSFT) และแอมะซอน (NASDAQ:AMZN) ที่เป็นยักษ์ใหญ่ของวงการคลาวด์อยู่ในตอนนี้ ปัจจุบัน IBM ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่ 5 ของบริษัทผู้ให้บริการระบบคลาวด์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยกว่าบริษัทใหญ่ๆ อยู่ 2% ซึ่งข้อมูลนี้เป็นการสำรวจจากบริษัทการ์ทเนอร์
เมื่อปีที่แล้วนางจินนี ได้ตัดสินใจลองเข้าซื้อบริษัท Red Hat โดยหวังว่าความสามารถในการทำเทคโนโลยีระบบคลาวด์ของบริษัทจะสามารถช่วยยอดขายของ IBM ได้ เธอกล่าวว่าการซื้อขายดังกล่าวจะทำให้ยอดขายซอฟท์แวร์ของบริษัท IBM มีตัวเลขที่ดีขึ้นเพราะลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่ยังคงเป็นบริษัทที่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์และมีสัญญาอยู่กับ IBM มาอย่างยาวนาน
สัญญาณของการมีพัฒนาการ
จากการรายงานผลประกอบการรอบล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมได้แสดงให้เห็นแล้วว่าความพยายามปรับตัวของบริษัทเริ่มส่งสัญญาณที่ดี ตัวเลขยอดขายในไตรมาสที่ 4 สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้และเป็นการหยุดตัวเลขผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงมาตลอดเอาไว้ที่ 5 ครั้งติดต่อกัน
ในขณะที่ IBM สามารถทำกำไรได้เพียง $573 ล้านเหรียญสหรัฐบริษัทกลับพบว่า Red Hat ทำกำไรได้ $1,000 ล้านเหรียญเมื่อเทียบกันจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม แม้จะเป็นข่าวดีแต่บริษัท IBM ก็ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มีรายงานพบว่ายอดขายของบริษัทเหมือนจะปรับตัวลดลง 3% และตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นลดลง 20% ในไตรมาสที่ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
จุดอ่อนนี้แสดงออกมาในรูปแบบของกราฟหุ้นได้เป็นอย่างดี หุ้น IBM ตลอดทั้งปี 2020 นี้ปรับตัวลดลงมาแล้ว 10% มีราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ $120.12 ถึงกระนั้นก็ยังมีแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์ เชื่อว่า IBM จะได้รับประโยชน์จากความพยายามปรับตัวนี้หลังจากที่โลกกำลังจะเปลี่ยนไปหลังจากผ่านโควิด-19 มนุษย์จะเข้าสู่การใช้งานออนไลน์มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านระบบ WiFi การมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ และการใช้งานคลาวด์กับระบบพื้นฐานทุกอย่าง
โดยสรุปแล้ว…
ในระยะสั้น IBM ก็ไม่ต่างกับบริษัทรายใหญ่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทั้งในแง่ของยอดขายและผลกำไร แต่ด้วยระบบการจัดการองค์กรใหม่และการเปลี่ยนคนที่มีความรู้เรื่องระบบคลาวด์เข้ามาจัดการมากขึ้นทำให้หุ้นของ IBM มีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนในระยะยาว
หุ้นของ IBM นั้นสามารถปันผลได้มากถึง 5.6% มีตัวเลขการปันผลประจำปีอยู่ที่ $6.48 เมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่ทำตัวเลขเฉลี่ยได้เพียง 2.31% เท่านั้น ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา IBM มีการปรับตัวเลขการปันผลเพิ่มขึ้น 5 ครั้ง ยิ่งถ้าได้บริษัท Red Hat เข้ามาช่วยแล้วเชื่อว่า IBM จะเริ่มมีภาพลักษณ์และการทำงานที่เปลี่ยนไป