เมื่อพูดถึงวงการขายปลีกย่อมไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทขายปลีกที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่างแอมะซอน (NASDAQ:AMZN) นอกจากจะเป็นบริษัทขายปลีกขนาดใหญ่แล้วตั้งแต่ก่อนที่โควิด-19 จะระบาดแอมะซอนยังถือเป็นธุรกิจที่พัฒนาระบบคลาวด์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกอีกแห่งหนึ่งด้วย เจฟฟ์ เบซอส ผู้เป็น CEO ของแอมะซอนแล้วยังเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของโลกในวัยเพียง 54 ปี มีทรัพย์สินรวมแล้วทั้งสิ้น $124,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ด้วยระบบของแอมะซอนที่ในยามปกติก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าแอมะซอนกำลังได้เปรียบและเป็นไปได้ว่าในช่วง 1-2 ปีแรกหลังโลกฟื้นฟูจากโควิด-19 มีโอกาสที่แอมะซอนจะกลายเป็นบริษัทที่ยึดโลกแห่งการขายปลีกไปครอบครองไว้คนเดียวในขณะที่คู่แข่งคนอื่นๆ ยังคงบาดเจ็บจากพิษโควิด-19 อยู่ รายงานจากวอชิงตัน โพสต์ระบุว่ามีร้านขายปลีกมากกว่า 1 ล้านร้านค้าที่ถูกสั่งปิดเพราะไวรัสระบาดและคาดว่าจะมีอย่างน้อย 15,000 ร้านค้าปลึกที่ต้องหายไปจากวงการและยังมีร้านค้าปลีกที่อาจจะกลับมาเปิดใหม่ได้แต่ไปไม่รอดมากถึง 60%
ในขณะที่บริษัทค้าปลีกรายอื่นยังต้องลุ้นว่าตัวเองจะสามารถกลับมาเปิดกิจการได้ดังเดิมหรือไม่แต่หุ้นของแอมะซอนกำลังสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทกำลังมีการเติบโต
ก่อนหน้านี้หุ้นแอมะซอนถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสายพานการส่งสินค้าที่โดนไวรัสโคโรนาสกัดเอาไว้ ทำให้หุ้นแอมะซอนไม่สามารถขึ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 DMA และ 200 DMA ที่เป็นเส้นค่าเฉลี่ยบอกแนวโน้มหลักๆ แต่หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ของจีนดีขึ้น เส้นค่าเฉลี่ยทั้งสองจึงสามารถตัดกันได้และกราฟหุ้นแอมะซอนก็ยังสามารถขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้งสองได้อีกซึ่งถือเป็นสัญญาณบวก
สัญญาณทางเทคนิคทั้งสองบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าอีกไม่นานสถานการณ์น่าจะกลับมาเป็นปกติได้แม้ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ยังไม่ลดลง นอกจากจะเป็นการทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นไปแล้ว การตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยยังส่งผลในเชิงของจิตวิทยาการลงทุนด้วยเพราะมีคนมากมายที่พร้อมจะเชื่อสัญญาณบวกนี้
หลังจากที่กราฟสามารถทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 และ 200 DMA ขึ้นมาได้แล้ว เป้าหมายต่อไปที่ราคากำลังเล็งอยู่คือ $2,260 เมื่อวันจันทร์วันเดียวหุ้นแอมะซอนก็สามารถทะยานกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมตั้งแต่ 19 กุมภาพันธ์ที่ $2,186 ได้แม้จะมีราคาปิดลดลงมา 0.06% เท่านั้น กราฟทะยานขึ้นมาขนาดนี้ถ้าไม่เรียกว่านักลงทุนมั่นใจก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรแล้ว
ถึงเราจะมองว่าขาขึ้นครั้งนี้มีนัยสำคัญมากแค่ไหนแต่อย่างไรก็ตามการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ไม่มีอะไรรับประกันว่าหลังจากนี้ราคาจะไม่ปรับตัวลดลงมาหรือกราฟจะสามารถผ่านแนวต้านนี้ขึ้นต่อไปได้หรือไม่ นักลงทุนที่ดีต้องพิจารณาความเสี่ยงด้วยตนเอง
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคาจะสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่จากนั้นรอให้ราคาย่อลงมาก่อนที่จะหาแท่งเทียนขาขึ้นเพื่อตามแนวโน้มหลักขึ้นไป
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอจุดสูงสุดใหม่เช่นกันแต่ในตอนที่ย่อกลับมาจะไม่รอแท่งเทียนยืนยันขาขึ้น
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะเข้าซื้อในทันทีตอนนี้และเชื่อว่ากราฟจะสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $2,200
- Stop-Loss: $2,180
- ความเสี่ยง: $20
- เป้าหมายในการทำกำไร:$2,260
- ผลตอบแทน: $60
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3