เซมิคอนดักเตอร์คือสารกึ่งตัวนำซึ่งถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของวัสดุที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าอยู่ระหว่างตัวนำและฉนวน หากจะอธิบายให้นักลงทุนอย่างเราๆ เข้าใจง่ายที่สุดคือสารกึ่งตัวนำที่นำไปใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ดังนั้นนับตั้งแต่โลกเริ่มปฏิวัติเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีความต้องการของเซมิคอนดักเตอร์จึงสูงขึ้นตามและไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหุ้นของบริษัทกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ถึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปี 2019 ก่อนที่ไวรัสโควิด-19 จะเข้ามาและส่งผลกระทบต่อสานพานการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ไปทั่วทั้งโลก
จากข้อมูลตัวเลขของดัชนีชี้วัดการจัดจำหน่าย การผลิต และการขายเซมิคอนดักเตอร์ของฟิลาเดเฟีย (Philadelphia Semiconductor Index) พบว่าการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ในโลกปรับตัวลดลงมากกว่า 18% ในไตรมาสที่ 1 คิดเป็นการสูญเสียรายได้อย่างมหาศาลนับตั้งแต่ปี 2011 แต่หากมองให้ลึกลงไปถึงรายละเอียดจะพบว่ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ไม่ได้รับผลกระทบมากเท่ากับวงการหรืออุตสาหกรรมอื่นๆ ผู้ผลิตหรือบริษัทชื่อดังบางกลุ่มกลับกำลังใช้วิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาสและในบทความนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ทั้ง 3 ตัวให้ได้รู้จักกัน
1. Nvidia
ในปีที่แล้วหุ้นของบริษัท Nvidia (NASDAQ:NVDA) สามารถทำผลงานได้อย่างสวยงามด้วยตัวเลขการปรับตัวสูงขึ้น 76% แม้ว่าปีนี้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 อยู่บ้างแต่ตลอดทั้งปีก็ยังถือว่าทำผลงานปรับตัวสูงขึ้นได้ 12% ล่าสุดเมื่อวานนี้หุ้น Nvidia มีราคาปิดอยู่ที่ $263.60 และถือเป็นหุ้น 1 ใน 10 ตัวที่สามารถทำผลงานได้ดีที่สุดในดัชนี S&P 500.
เราทราบดีว่าตอนนี้วิกฤตไวรัสโคโรนากระทบต่อธุรกิจทุกประเภทไม่มากก็น้อย ดังนั้นนักวิเคราะห์จึงหันไปสนใจข้อมูลด้านอื่นมากกว่าอย่างเช่น งบการเงิน สภาพคล่อง คุณภาพของผลิตภัณฑ์เพราะเพชรแท้ที่ตกอยู่ท่ามกลางทะเลทรายเมื่อพายุผ่านพ้นไปเพชรก็ยังเป็นเพชรอยู่ดี
สถาบันการเงินชื่อดังมอร์แกน สแตนลีย์ยกให้หุ้นของ Nvidia เป็นหุ้นระดับท๊อปของกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ นักวิเคราะห์ของมอร์แกนนาม เจเซฟ มอร์ กล่าวถึงหุ้น Nvidia เมื่อเดือนที่แล้วว่า “เพราะอัตราการเติบโตที่ดีของบริษัทพวกเขาจึงยังมีโอกาสเฉิดฉายอีกครั้งหลังพายุไวรัสโคโรนาได้ผ่านพ้นไป”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Needham พึ่งยกให้หุ้น Nvidia อยู่ในกลุ่มน่าซื้อเพราะคาดการณ์ว่าชิปคอมพิวเตอร์ของบริษัทจะเป็นที่ต้องการอย่างมากในการทำแอปพลิเคชันสำหรับวงการแพทย์และเทคโนโลยี AI ในขณะที่บริษัททางด้านการเงินอย่าง Susquehanna Financial Group ปรับเป้าหมายของหุ้น Nvidia ขึ้นอีก $10 ขึ้นเป็น $330 และให้เหตุผลว่า “บริษัทมีซัพพลายที่พร้อมตอบสนองต่อการทำงานอยู่บ้านของผู้คนที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำงานอยู่บ้านเพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ไวรัสระบาดในครั้งนี้”
ทางบริษัทเองได้ออกมาพูดอย่างถ่อมตนว่า “บริษัทดีใจที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าหุ้น Nvidia คือหุ้นที่น่าลงทุนแต่ตอนนี้ลักษณะการวิ่งของราคายังถือว่าอยู่ในจุดพักตัวอยู่ บริษัทกำลังรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อที่จะปล่อยชิปคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่มีขนาด 7 นาโนเมตร แต่ต้องรอให้สถานการณ์โควิด-19 สงบลงก่อน”
2. Advanced Micro Devices
บริษัท Advanced Micro Devices หรือที่รู้จักกันดีในนาม "AMD" (NASDAQ:AMD) คืออีกบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำผลงานได้ดีท่ามกลางช่วงวิกฤต Northland Capital Markets พึ่งยกระดับในหุ้น AMD ขึ้นไปอยู่ในกลุ่มที่ “สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นท่ามกลางวิกฤต” เมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ทาง Northland ได้ปรับระดับราคาเป้าหมายของหุ้น AMD ขึ้นเป็น $52.50 ด้วยเหตุผลว่า “ชิบคอมพิวเตอร์ของ AMD กำลังเป็นที่ต้องการในกลุ่มเกมเมอร์และสิ่งที่เกมเมอร์ถนัดที่สุดคือการอยู่บ้านเพื่อนั่งเล่นเกมกับเพื่อน” เมื่อวานนี้หุ้นของ AMD มีราคาปิดอยู่ที่ $45.48 และสามารถทำผลงานได้ดีที่สุดในดัชนี S&P 500 เมื่อปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์จาก Piper Sandler ได้ยกระดับหุ้นของ AMD จากระดับ “ปกติ” ขึ้นเป็น “โดดเด่น” โดยให้เหตุผลสั้นๆ ว่า “AMD ถือเป็นโอกาสอันน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนระยะยาว” CEO ของ AMD นางลิช่า ซูพึ่งออกมากล่าวเรียกความเชื่อมั่นกับนักลงทุนเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีต่อผลกำไรและการทำงานของบริษัทว่า “ซัพพลายเชนของการผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของบริษัทในประเทศจีน ไต้หวันและมาเลเซียกำลังเริ่มฟื้นตัวกลับมาแล้ว”
นักวิเคราะห์คาดว่าในช่วงไตรมาสแรกยอดกำไรรวมของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ $180 ล้านเหรียญสหรัฐโดยบวกลบไม่เกิน $50 ล้านเหรียญ แม้ว่าข้อมูลตัวเลขนี้จะออกมาลดลงเพราะกำลังการผลิตในจีนที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา แต่ฐานการผลิตในที่อื่นๆ ยังสามารถช่วยประคองให้บริษัทผ่านพ้นวิกฤตไปได้
3. Micron Technology
บริษัท Micron Technology (NASDAQ:MU) สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยรายงานผลประกอบการที่ดีดขึ้นถึง 24% เอาชนะตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ที่เชื่อว่าไวรัสโคโรน่าจะทำให้เศรษฐกิจถดถอยและทำให้บริษัทส่วนใหญ่มีรายได้ที่ลดลง
แม้ว่ารายงานผลประกอบการครั้งนี้ซึ่งออกมาที่ $480 ล้านเหรียญสหรัฐจะลดลง 18% จากปีที่แล้วแต่ถือว่ายังอยู่ในกรอบผลกำไรที่บริษัทตั้งไว้ระหว่าง $520 ล้านเหรียญ - $460 ล้านเหรียญซึ่งบริษัทหวังว่าการประกาศในรอบถัดไปในเดือนหน้าตัวเลขผลกำไรจะยังคงอยู่ในกรอบนี้
สิ่งที่ช่วยให้หุ้นของบริษัท Micron สามารถสร้างความต้องการให้ผู้บริโภคได้อย่างแข็งแกร่งคือความต้องการซื้อคอมพิวเตอร์สำหรับพนักงานและนักเรียนนับล้านคนในการทำงานและเรียนอยู่บ้านซึ่งยังรวมไปถึงการทำศูนย์ข้อมูลรวมอีกด้วย
นักวิเคราะห์จาก Bank of America (BoA) ยกหุ้นของบริษัทจาก “ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน” ขึ้นมาเป็น “น่าซื้อ” เพราะ BoA เห็นโอกาสในการเติบโตของบริษัทท่ามกลางวิกฤตไวรัสโคโรนา อย่างไรก็ตามล่าสุดหุ้นของ Micron เมื่อวานนี้มีราคาปิดอยู่ที่ $42.06 ปรับตัวลดลง 5% และตลอดทั้งไตรมาสแรกปรับตัวลดลง 22%
โดยสรุปแล้ว
หลังจากที่เราได้ผ่านไตรมาสแรกกันไปอย่างหนักหน่วงจะเห็นได้ว่าหุ้นผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ทั้ง 3 ตัวนี้กลับทำผลงานได้ดีและโดดเด่นท่ามกลางวิกฤตไวรัสโคโรนาที่กำลังให้นักลงทุนต้องหันมาสนใจปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอีกครั้ง