ปีนี้ลงทุนในหุ้นกลุ่มไหนดี? หากคำถามนี้ถามนักลงทุนในปี 2019 คำตอบที่ได้คงหนีไม่พ้น “ลงทุนในหุ้นกลุ่ม FAANG สิ” แต่หากถามคำถามนี้ในปี 2020 คำตอบที่ได้อาจจะเป็น “ลองลงทุนในหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคอย่างเช่นน้ำดื่ม พลังงานไฟฟ้า หรือก๊าซธรรมชาติดูดีไหม?”
เฉพาะในปีนี้ดัชนีในภาคส่วนของสาธรณูปโภค iShare S&P 500 (LON:IUUS) ปรับตัวสูงขึ้น 8.8% ตามหลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งทำผลงานได้ 11% จากตัวเลขนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านักลงทุนเริ่มหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มปลอดภัยซึ่งอยู่ในส่วนของสาธารณูปโภคแล้ว
ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่เราจะได้เห็นหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาแบบนี้ การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ถือเป็นการเล่นเกมรับรูปแบบหนึ่งของนักลงทุน แม้ว่าผู้คนจะวิตกกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอยู่มากน้อยเพียงใด แม้ว่าส่วนใหญ่จะงดการออกไปทานมื้ออาหารสุดหรูหรืองดเดินทางท่องเที่ยวลงแต่ทุกคนก็ยังต้องใช้ชีวิต ต้องกิน ต้องดื่ม ต้องทำอาหาร ต้องหุงต้ม ต้องจ่ายบิลค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนต่อไป
การชะลอตัวให้หุ้นหลักๆ หรือดัชนีเป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน หุ้นตัวหลักๆ ในดัชนี S&P 500 ที่เคยสร้างค่าพรีเมียมได้มากถึง 28% ชะลอตัว แอปเปิ้ล (NASDAQ:AAPL) ยังต้องออกมาแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบว่ากำไรในไตรมาสที่ 2 อาจโตไม่ถึงเป้าเพราะสถานการณ์ของโคโรนาไวรัส
ดังนั้นคงจะเป็นการตัดสินใจที่ดีหากเราจะเพิ่มหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคเข้าไปในพอร์ตการลงทุนเพื่อเอาไว้ลดความเสี่ยงของการผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในปีนี้ การที่ผลกำไรของของบริษัทกลุ่มสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นหมายความว่าบริษัทสามารถสร้างผลกำไรและจ่ายเงินปันผลได้อย่างมั่นคง
ไม่ว่าจะกลุ่มพลังงาน ก๊าซธรรมชาติ น้ำดื่ม ล้วนแต่ปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่ดี
โดยปกติแล้วหุ้นกลุ่มนี้มักจะเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวเช่นบุคคลที่เกษียณแล้วเพราะหุ้นกลุ่มนี้จะไม่จ่ายปันผลในทันทีเหมือนกับหุ้นทั่วไป ในบางตัวผู้เทรดอาจจะต้องรอเป็นทศวรรษกว่าจะได้รับเงินปันผล ดังนั้นหุ้นกลุ่มนี้จึงมักถูกถือเพื่อเอาไว้เป็นหลักประกันเช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาล
หลังจากการปรับตัวขึ้นมาประมาณ 30% ในปี 2019 ถึงเวลาที่เราจะไปพิจารณาซื้อหุ้นเหล่านี้กัน
หุ้นของบริษัทผู้ผลิตน้ำดื่มและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำดื่มอย่าง American Water Works (NYSE:AWK) ปรับตัวขึ้นมาตลอดทั้งปีนี้ 17% มีราคาปิดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $140.12
ในกลุ่มเดียวกันหุ้นของบริษัท Evergy (NYSE:EVRG) ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้าในรัฐแคนซัสและมิสซูรีปรับตัวสูงขึ้น 13% ในปีนี้อันเป็นผลพลอยได้มาจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค เมื่อวานนี้หุ้น Evergy มีราคาปิดอยู่ที่ $73.91
อย่างไรก็ตามอัตราการปันผลของหุ้นทั้งสองยังถือว่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แบบ 10 ปี ซึ่งปรับตัวขึ้น 1.564% เมื่อวานนี้ ตัวอย่างเช่นหุ้น Evergy จ่ายเงินปันผลต่อหุ้นในแต่ละไตรมาสอยู่ที่ $0.505 คิดเป็น 2.79% ของผลตอบแทนที่จะได้รับเมื่อครบกำหนดเช่นเดียวกันกับ AWK ที่มีเปอร์เซนต์ปันผลอยู่ที่ 1.44%
หากคุณคิดว่าหุ้นทั้งสองตัวนี้ยังมีการปันผลที่น้อยเกินไป บางทีอาจลองพิจารณาหุ้นของบริษัทที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในชายแดนทางเหนือของอเมริกาดู
บริษัท Enbridge (NYSE:ENB) ผู้ทำท่อส่งผ่านก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือให้ผลตอบแทนต่อปีอยู่ที่ 5.84% บริษัท Enbridge เป็นผู้กุมเครือข่ายการผลิตน้ำมันดิบทางภาคเหนือของอเมริกาอยู่ที่ 28% และกุมการผลิตก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 22% ของผู้บริโภคทั้งหมดในสหรัฐฯ
ที่ผ่านมาหุ้นของบริษัท Enbridge ถือว่าให้ผลตอบแทนระยะยาวที่ดีมาตลอด ในช่วง 20 ปีล่าสุดอัตราการเติบโตของการจ่ายปันผลในแต่ละปีอยู่ที่ 11.7% เมื่อวานนี้มีราคาปิดอยู่ที่ $41.97
นอกจากนี้ยังมีบริษัทผู้ผลิตพลังงานอย่าง Innergex Renewable Energy (OTC: INGXF) ที่ในปี 2020 ปรับตัวสูงขึ้น 29% ส่วนปี 2019 ปรับตัวขึ้นมาทั้งหมด 34% มีเปอร์เซนต์การปันผลอยู่ที่ 3.27% และมีราคาปิดในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวานอยู่ที่ 16.54
บลูมเบิร์กแสดงความเห็นเกี่ยวกับตลาดสาธารณูปโภคว่า “ปัญหาการควบคุมคุณภาพของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ ที่ยังไม่ถึงขั้นทำให้แคนาดามีโอกาสเข้ามาแทนที่และสร้างสร้างกำไรให้กับนักลงทุนในระยะยาว”
โดยสรุปแล้ว…
แม้ว่าปีที่แล้วจะเป็นปีทองของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมของปี 2020 ที่เศรษฐกิจต้องเจ็บตัวเพราะโควิด 19 ตั้งแต่เริ่มต้นทำให้การหันมาเล่นกลยุทธ์การลงทุนแบบตั้งรับเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัย หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคคือทางเลือกนั้น