รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 หุ้นเด่นประจำสัปดาห์นี้: Walmart, Tesla, Deere & Company

เผยแพร่ 17/02/2563 17:12
อัพเดท 09/07/2566 17:31

ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่มีใครสามารถหยุดความร้อนแรงของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ได้แม้ว่าทั้งโลกยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการ์ไวรัสโคโรนา ยกตัวอย่างเช่นดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวขึ้นตลอด 4 วันจาก 5 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จาก 10 วันปรับตัวขึ้น 8 วัน จาก 19 สัปดาห์ปรับตัวขึ้น 15 สัปดาห์ สร้างสถิติจุดสูงสุดใหม่ไปแล้ว 3 ครั้ง นอกจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจากคำพูดประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แล้วผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชนท่ามกลางมรสุมโรคระบาดถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สกุลเงินดอลลาร์เป็นที่ต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ข้อมูลบ่งชี้ทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่าตัวเลขยอดขายปลีกในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ยิ่งไปกว่านั้นราคาน้ำมันที่ถูกลงทำให้ประชาชนสหรัฐฯ มีความต้องการออกมาจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น

ในสัปดาห์นี้นอกจากนักลงทุนยังต้องจับตาความคืบหน้าของสถานการณ์ไวรัสโคโรนากันต่อยังมี 3 หุ้นเด่นที่เราคิดว่าทำผลงานได้น่าสนใจมานำเสนอให้กับคุณผู้อ่าน

1.Walmart

วอลมาร์ต (NYSE:WMT) บริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาจะรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดในวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ จะเปิดทำการ นักวิเคราะห์คาดว่าวอลมาร์ตจะสามารถมีตัวเลขปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $1.44 และมีผลกำไรรวมทั้งหมดอยู่ที่ $142,570 ล้านเหรียญสหรัฐ

จากสถิติยอดขายที่มีอัตราการเติบโตดีเยี่ยมตลอด 21 ไตรมาสติดต่อกันเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในสหรัฐฯ ทำให้เราเชื่อว่าครั้งนี้จะไม่มีอะไรผิดพลาดหรือสร้างความประหลาดใจในทางลบแก่นักลงทุนได้

กราฟรายสัปดาห์ของหุ้นวอลมาร์ต

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นวอล์มาร์ตมีราคาปิดเพิ่มสูงขึ้น 0.8% อยู่ที่ระดับราคา $117.89 จากผลงานที่แข็งแกร่งและอัตราการเติบโตของยอดขายออนไลน์ของวอล์มาร์ตทำให้นักลงทุนยกระดับตัวเลขการปันผลของหุ้นวอล์มาร์ตขึ้น 20% เมื่อปีที่แล้ว

จากข้อมูลที่เรามีพบว่าหุ้นของวอล์มาร์ตจะยังคงเติบโตต่อไปตราบเท่าที่ตัวเลขการบริโภคของประชาชนสหรัฐฯ และอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับที่ดี รายงานยอดขายปลีกในเดือนพฤศจิกายนเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในสหรัฐฯ พบว่าเพิ่มขึ้น 3.2% จากปีที่แล้วจึงทำให้ภาพรวมผลงานตลอดทั้งปีของวอล์มาร์ตดีขึ้นตามไปด้วย ในวันที่จะรายงานผลประกอบการเราจึงอยากให้นักลงทุนจับตาดูข้อมูลตัวเลขเปรียบเทียบยอดขายและการขยายธุรกิจทางการค้าออนไลน์ของบริษัทเอาไว้ให้ดี

2.Tesla

ความสำเร็จของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเทสล่า (NASDAQ:TSLA) ทำให้หุ้นของบริษัทอยู่ในความสนใจของนักลงทุนเป็นจำนวนมากและเชื่อว่าความน่าสนใจนี้จะไม่หมดลงโดยง่าย จากการทะยานขึ้นเป็นประวัติกาลของหุ้นเทสล่าทำให้บริษัทต้องการเพิ่มทุนเข้าไปอีก $2,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อออกหุ้นเพิ่มทุน

กราฟหุ้นเทสล่ารายสัปดาห์

อ้างอิงจากการรายงานของบลูมเบิร์กเผยว่าการออกหุ้นเพื่อเพิ่มทุนจะมีราคาอยู่ที่ $767 ต่อหุ้นซึ่งลดราคาลงมา 4% จากระดับราคาของหุ้นปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ $800.3 นับตั้งแต่รายงานผลประกอบการในเดือนตุลาคมออกมาดีเกินคาดก็ส่งผลให้หุ้นของบริษัทสามารถปรับตัวขึ้นด้วยตัวเลข 3 หลักได้แม้ว่าเมื่อวันศุกร์จะปรับตัวลดลง 0.49% ก็ตาม ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์คาดว่าการออกหุ้นเพิ่มเพื่อเพิ่มทุนจะช่วยทำให้เทสล่ามีเงินเพิ่มขึ้น $2,300 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีรายจ่ายเพื่อการได้มาของสินทรัพย์ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้นอีก $3,500 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้

ถือเป็นแผนการจัดหาเงินลุงทุนเองที่ไม่ต้องให้วอลล์สตรีทช่วยของ CEO อีลอน มัสค์ที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์ไม่น้อยซึ่งเขาได้พูดเรื่องนี้ด้วยตัวเองหลังรายงานผลประกอบการบริษัทออกมาในช่วงปลายเดือนมกราคม

3.Deere & Company

บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับงานด้านการเกษตร การก่อสร้าง งานป่าไม้ เครื่องจักร และอื่น ๆ จอห์น เดียร์ (NYSE:DE) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2019 ในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าจอห์น เดียร์จะสามารถมีตัวเลขปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $1.29 และมีผลกำไรรวมทั้งหมดอยู่ที่ $6,240 ล้านเหรียญสหรัฐ

กราฟรายสัปดาห์ของหุ้นจอห์น เดียร์

เมื่อปีที่แล้วบริษัทจำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิตของบริษัทลงเพื่อให้บริษัทสามารถผ่านสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีนไปให้ได้และจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปัจจุบัน จอห์น เดียร์จึงลดตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2019 และตัวเลขผลประกอบการที่คาดว่าจะทำได้ลงในปี 2020

ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากต้นทุนการผลิตอุปกรณ์ในบางส่วนเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทจอห์น เดียร์จำเป็นต้องใช้มาตรการหลายรูปแบบเพื่อประหยัดงบประมาณให้บริษัทยังคงสามารถรักษาผลกำไรต่อไปได้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาบริษัทพึ่งดำเนินการปลดพนักงานประจำบางส่วนออกคิดเป็นมูลค่าประมาณ $140 ล้านเหรียญสหรัฐและตอนนี้เริ่มพิจารณาประกอบการของบริษัทในต่างประเทศเพื่อประเมินความเป็นไปได้สำหรับการลดค่าใช้จ่ายในการผลิตส่วนเกินทิ้ง

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นของจอห์น เดียร์มีราคาปิดอยู่ที่ $168.07 คิดเป็นการปรับตัวลดลง 3% ตามปริมาณความต้องการที่ลดลงในปีนี้

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย