📊 ดูวิธีการที่นักลงทุนชั้นนำสร้างพอร์ตของพวกเขาค้นหาไอเดียการเทรด

3 หุ้นน่าจับตามองที่สามารถทำกำไรได้แม้วิกฤติโคโรนาปกคลุมตลาดลงทุน

เผยแพร่ 30/01/2563 14:32
US500
-
WYNN
-
LVS
-
UAL
-
LAKE
-
APT
-
VIR
-

ถ้าพูดถึงสาเหตุการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ในวอลล์สตรีทซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 4 เดือนจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำเนิดมาจากเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน

ปัจจุบันตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อชาวจีนที่มีรายงานเข้ามาเมื่อวันอังคารอยู่ที่ 4,515 รายและตัวเลขนี้ยังคงจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามวิวัฒนาการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาและยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดมี 106 คนแม้ว่าตัวเลขทั้งหมดจะเป็นเพียงชาวจีนเท่านั้นก็ตาม ผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ ที่อยู่นอกประเทศจีนในตอนนี้จะพบเป็นกรณีเล็กๆ ไปอย่างเช่นใน สหรัฐอเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ยิ่งการแพร่ระบาดของโคโรนาเร็วขึ้นเท่าไหร่ผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มการท่องเที่ยวอย่างเช่นหุ้นสายการบิน โรงแรม คาสิโน ต่างได้รับผลกระทบและร่วงลงก่อนหุ้นกลุ่มอื่น ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมหุ้นของวินน์รีสอร์ท (NASDAQ:WYNN) และลาส เวกัส แซนด์ (NYSE:LVS) ที่เปิดให้บริการขนาดใหญ่อยู่ที่จีนปรับตัวลดลง 12.30% และ 7.35% ตามลำดับในขณะที่สายการบินอย่าง ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ (NASDAQ:UAL) ร่วงลง 12.32%

อย่างไรก็ตามหุ้นของบริษัทที่ทำเกี่ยวกับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยให้กับคนงานที่ต้องรับความเสี่ยงสูงและวัคซีนรักษาโรคกลับมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งเราเชื่อว่าตราบเท่าที่เรื่องไวรัสโคโรนายังไม่จบลงหรือสามารถหาทางรักษาได้อย่างเด็ดขาดความต้องการในเรื่องของอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ความสะอาดและวัคซีนรักษาโรคจะยังคงมีอัตราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และ 3 หุ้นต่อไปนี้คือผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมด้านผลิตภัณฑ์รักษาความสะอาดและยารักษาโรค

1. Lakeland Industries

Lakeland Industries (NASDAQ:LAKE) เป็นบริษัทที่ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับงานดับเพลิง อุปกรณ์ป้องกันความร้อน ชุดป้องกันความร้อนและสารเคมี ราคาหุ้นของบริษับปรับตัวสูงขึ้น 27.6% นับตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมซึ่งเป็นวันที่ข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเริ่มส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ นับตั้งแต่ช่วงต้นปีมาจนถึงปัจจุบันตอนนี้หุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นมาแล้ว 30% เมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่ขึ้นมาเพียง 1.4% มีราคาปิดอยู่ที่ $14.00 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา บริษัทมีมูลค่าทางการตลาดทั้งหมดอยู่ที่ $112.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนหน้านี้หุ้นของบริษัทเลคแลนด์เคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลในรอบ 10 ล่าสุดไว้ที่ราคาประมาณ $29 จากข่าวการแพ่รระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในแอฟริกาปี 2014

กราฟหุ้น LAKE รายเดือน

เมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ไวรัสโคโรนายังคงระบาดและยังไม่มีข่าวว่าสามารถมีหนทางรักษาโรคนี้ได้อย่างจริงจังเราจึงเชื่อว่าปริมาณความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์ของบริษัทจะยิ่งเติบโตสูงขึ้น

ลูกค้าของบริษัทเลคแลนด์ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในวงการอุตสาหกรรมและรัฐบาลจาก 40 ประเทศทั่วโลกเช่น จีน สหรัฐฯ แคนาดาและประเทศในยุโรป นอกจากนี้ยังมีลูกค้าที่เป็นกระทรวงใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ เช่นกระทรวงกลาโหม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค

2. Alpha Pro Tech

Alpha Pro Tech (NYSE:APT) เป็นบริษัทที่ทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการปกป้องผู้คนและสิ่งแวดล้อมเช่นชุดป้องกันสำหรับการทำความสะอาด ชุดป้องกันการติดเชื้อ หน้ากากอนามัย ฯลฯ ซึ่งบริษัทมีฐานการผลิตอยู่ที่สหรัฐฯ แต่ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปขายยังที่ต่างๆ ทั่วโลก

นับตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมหุ้นของบริษัทได้ปรับตัวสูงขึ้น 62.8% และสามารถทำราคาสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปีมาจนถึงปัจจุบันไว้ที่ $7.86 เมื่อวันจันทร์ ราคาหุ้นในปี 2020 กระโดดขึ้นมามากถึง 66% และมีราคาปิดอยู่ที่ $5.70 ในช่วงเช้าของวันอังคาร บริษัทมีมูลค่ารรวมทางการตลาดอยู่ที่ $74.2 ล้านเหรียญสหรัฐ กราฟของอัลฟ่าคล้ายกันกับเลคแลนด์ที่เคยมีการทะยานขึ้นสูงเป้นประวัติกาลในปี 2014 จากการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา


กราฟหุ้น APT รายเดือน

หลังจากที่บริษัทเคยสร้างชื่อได้ตอนที่โลกต้องผ่านวิกฤติโรคระบาด SARS, MERS และอิโบลา บริษัท อัลฟาโปรก็จะเป็นชื่อแรกๆ ที่คนนึกขึ้นได้เวลาที่โลกเข้าสู่ความวิกฤติทางด้านสุขภาพ เราจะเห็นได้ว่าตอนนี้หน้ากากอนามัยเริ่มที่จะขาดตลาดทั่วโลกแล้ว ที่สำคัญยังพบว่ามีการสั่งซื้อแว่นตาเพื่อป้องกันฝุ่นและรองเท้าพิเศษที่ใช้ในการทำงานที่ต้องเสี่ยงจากการติดเชื้อผ่านเท้า

3. Vir Biotechnology

Vir Biotechnology (NASDAQ:VIR) เป็นบริษัทที่ทำวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับการรักษาโรคและการป้องกันโรคติดเชื้ออย่างร้ายแรง หุ้นของบริษัท VIR ที่พึ่งเปิดตัวในเดือนตุลาคมปี 2019 ปรับตัวขึ้น 30% นับตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาหุ้นมีราคาอยู่ที่ $21.31 และมูลค่าทางการตลาดทั้งหมด $2,340 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นมา 70% นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบันและสร้างราคาสูงสุดตลอดกาลไว้ที่ $27.48 เมื่อวันจันทร์

กราฟรายสัปดาห์ของหุ้น VIR

บริษัท Vir ถือว่าอยู่ในจุดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เชื้อไวรัสโคโรนายังคงระบาดเพราะบริษัทมีแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีโดยตรงที่จะสามารถศึกษา ทดลองและจัดการกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ได้ นักลงทุนคาดหวังว่าบริษัทนี้จะสามารถสร้างวัคซีนที่สามารถออกมาต่อกรกับเชื้อไวรัสโคโรนาได้โดยเร็ว

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย