ภาพรวมของความต้องการพืชถั่วเหลืองถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วหลังจากที่นักลงทุนและประชาชนทั้วโลกได้ทราบข่าวเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาขั้นแรกระหว่างสหรัฐฯ - จีนไปแล้วแต่ข่าวร้ายคือตัวเลขความต้องการของพืชถั่วเหลืองหรัฐฯ อาจไม่สามารถพึ่งพาอยู่กับความต้องการของคนจีนได้อีกต่อไป
อ้างอิงจากข้อความในสนธิสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นกันไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมามีใจความสำคัญเกี่ยวกับการซื้อขายพืชถั่วเหลืองว่า “จีนจะซื้อพืชถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ หรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาพความต้องการของตลาด” หมายความว่าถ้าความต้องการพืชถั่วเหลืองในจีนลดลงจีนจะมีสิทธิ์สามารถลดคำสั่งซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่จีนกำลังประสบปัญหาโรคระบาดที่เกิดจากการบริโภคเนื้อสุกรซึ่งถั่วเหลืองถูกนำมาใช้เป็นอาหารอันดับต้นๆ ให้กับหมูเหล่านั้น
ดังนั้นเราจึงสามารถคาดการณ์ได้ว่าปริมาณการสั่งซื้อถั่วเหลืองในจีนจากสหรัฐฯ ต้องลดลงอย่างแน่นอนจากสาเหตุที่กล่าวถึงโดยยังไม่ได้นำเอาปัจจัยการไม่ยอมลดกำแพงภาษีของสหรัฐฯ มาเป็นตัวร่วมพิจารณา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการที่สหรัฐฯ จะไม่ยอมส่งอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์บางอย่างให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนอย่างหัวเหว่ย (Huawei) มาเป็นประเด็นสำคัญอีก
เมื่อข่าวมาแล้วนักลงทุนในตลาดไม่รอช้าที่จะขานรับต่อสัญญาณเหล่านี้ส่งผลให้กราฟราคาพืชถั่วเหลืองปรับตัวลดลงสร้างจุดต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคมปี 2019
การปล่อยขายของนักลงทุนทำให้กราฟพืชถั่วเหลืองสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่ำกว่าแนวรับราคา $927 หลังจากที่ตลาดหมีเคยพยายามอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม
นอกจากนี้ในกราฟรายสัปดาห์ราคาพืชถั่วเหลืองยังไม่สามารถเจาะแนวต้าน $950 ขึ้นไปได้ซึ่งเป็นแนวต้านจากกรอบราคาด้านบนที่ลากมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2016 และเรายังพบว่าราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับราคา $935 แม้ว่าก่อนหน้านี้ราคาจะเคยพาตัวเองขึ้นไปได้ก่อนที่จะถูกข่าวสงครามการค้าพลักราคากลับลงมาอยู่ใต้ระดับแนวต้านนี้อีกครั้ง
แม้จะเคยได้ยินคนในวงการชอบพูดกันเล่นๆ ว่า “ให้ซื้อตอนมีข่าวลือให้ขายตอนมีข่าวจริง” แต่ดูจากข่าวและลักษณะของกราฟแล้วเป็นไปได้ที่กราฟจะค่อนไปทางแนวโน้มขาลงมากกว่า จากกราฟรายวันจะเห็นว่าอินดิเคเตอร์ MACD และ RSI ส่งสัญญาณพร้อมเป็นแนวโน้มขาลง เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นใน MACD ตัดเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวลงมาแล้วในขณะที่ RSI ขึ้นอยู๋ในโซน overbought และกำลังทำรูปแบบไดเวอร์เจนต์สำหรับพร้อมเป็นเทรนลง
ส่วนกราฟรายสัปดาห์เราสังเกตเห็นว่ากราฟกำลังสร้างรูปแบบสามเหลี่ยมลิ่มลู่ขึ้น (Rising Wedge) เป็นกรอบราคาของรูปแบบขาลงตั้งแต่ช่วงกลางปี 2016 กราฟได้ทดสอบแนวต้านของตัวเองเป็นสัปดาห์ที่สี่ิติดกันแล้วเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวต้าน
เส้นค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์ 200 เป็นอินดิเคเตอร์ยืนยันแนวต้านชั้นสุดท้ายของทั้งรูปแบบสามเหลี่ยมลิ่มลู่ขึ้นและกรอบราคาขาขึ้นที่ได้พูดถึงไปก่อนหน้า ยิ่งไปกว่านั้นอินดิเคเตอร์ RSI ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 56 ได้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม
สรุปแล้วทั้งการวิเคราะห์โดยปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคในกรอบเวลารายวันและรายสัปดาห์ต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่ากราฟมีโอกาสที่จะเป็นแนวโน้มขาลง
กลยุทธ์การเทรด
นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอให้กราฟทะลุแนวรับของรูปแบบลิ่มลงมาและเมื่อราคาอยู่ต่ำกว่า $900 ก่อนที่จะวางคำสั่งขาย
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจตัดสินใจวางคำสั่งขายหลังจากที่กราฟมีแท่งเทียนขาลงแท่งยาวปรากฎและราคาต้องปิดแท่งต่ำกว่าระดับราคา $925 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของราคาตั้งแต่เดือนธันวาคมตามที่ได้วิเคราะห์ไว้ด้านบน จากนั้นจะรอให้กราฟดีดกลับมาทดสอบแนวต้านแล้วจึงตัดสินใจเข้า
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจจะตัดสินใจวางคำสั่งขายทันทีที่กราฟสามารถสร้างราคาปิดที่ต่ำกว่า $925 และจะไม่รอสัญญาณยืนยันถึงแรงขาลงที่โถมเข้ามาจนดันราคาลงถึงบริเวณ $925
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $925
- Stop-Loss: $930
- ความเสี่ยง: $5
- เป้าหมายในการทำกำไร:900
- ผลตอบแทน: $25
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:5