InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกสูงกว่าคาดในเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 20.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,913.40 จุด ลบ 71.14 จุด หรือ 0.21%
ราคาหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ดีดตัวขึ้นสวนทางตลาด ขานรับผลประกอบการที่สดใส
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกในวันนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการในต่างประเทศ ขณะที่การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่สูงเกินคาด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 37.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 25.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนลดน้ำหนักในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในเดือนธ.ค. โดยให้น้ำหนัก 58.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ให้น้ำหนักสูงถึง 72.9% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.3%
ยอดค้าปลีกได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ และยอดขายของสถานีบริการน้ำมัน
หากไม่รวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.1%
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) ในวันพฤหัสบดีนี้
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวลเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
การกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าว ถือเป็นการแสดงความเห็นของนายพาวเวลเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในวันเสาร์นี้ ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
ทั้งนี้ กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นต่อสาธารณะ หรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC