โดย Ambar Warrick
Investing.com – ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในวันจันทร์เนื่องจากนักลงทุนรอสัญญาณเพิ่มเติมว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กำลังปรับตัวลดลงโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะทำกำไรมากที่สุด
การอ่อนค่าลงของ ดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ก็ได้รับแรงหนุนจากความเสี่ยงด้วยเช่นกัน แต่วันหยุดในฮ่องกงและจีนทำให้ปริมาณการซื้อขายในภูมิภาคนี้หายไปมากพอสมควร
ดัชนี Taiwan Weighted ที่เป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในไต้หวันที่ทำผลงานที่ดีที่สุดในภูมิภาค โดยเพิ่มขึ้น 1.8% ดัชนีใน ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ในแต่ละรายการ
หุ้นในภูมิภาคได้รับสัญญาณบวกจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันศุกร์ โดยดัชนีที่สำคัญของสหรัฐฯ ฟื้นตัวหลังจากที่ทำขาลงติดต่อกันเป็นเวลาสามสัปดาห์ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในปีนี้เป็นหุ้นที่มีผลงานดีที่สุด
ขณะนี้นักลงทุนกำลังรอข้อมูลสำคัญ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม ซึ่งจะครบกำหนดรายงานในวันอังคาร ซึ่งคาดว่าจะแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีที่แตะเมื่อต้นปีนี้
ตัวเลขที่ผ่อนคลายขึ้นคาดว่าจะทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัว เนื่องจากจะบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงชันของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปีนี้เริ่มเป็นผลตามที่ต้องการ เพราะท้ายที่สุดอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจะทำให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยลง
แต่เฟดได้ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะสั้น ตลาดกำลังกำหนดราคาว่ามี โอกาสมากกว่า 90% ที่ธนาคารกลางจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 75 จุดพื้นฐาน ในการประชุมสัปดาห์หน้า
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชียเป็นส่วนใหญ่ในปีนี้ เนื่องจากช่องว่างระหว่างผลตอบแทนจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและมีความเสี่ยงต่ำนั้นลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่รับภาระหนักจากการขายครั้งนี้
แต่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลง อาจช่วยลดอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นขาขึ้นสำหรับตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นเอเชียยังคงต้องต่อสู้กับการชะลอตัวของการเติบโตในจีน ที่เป็นศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค การนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาแพงจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า คาดว่าจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะอันใกล้