โดย Scott Kanowsky
Investing.com - ตลาดหุ้นยุโรปขยับลงหลังการเปิดตลาดซื้อขายในวันพุธ ก่อนรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจให้เบาะแสเกี่ยวกับแผนการของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการกระชับนโยบายการเงิน
ในเวลา 03:35 น. EST (07:35 GMT) STOXX 600 ของยุโรปลดลง 0.11% CAC 40 ในฝรั่งเศสลดลง 0.08% และ FTSE 100 ในสหราชอาณาจักรลดลง 0.11% ดัชนีที่ต่างออกไปคือคือ DAX ในเยอรมนีที่มีการซื้อขายสูงกว่า 0.15%
ดัชนีหุ้นทั่วโลกอยู่ในสภาวะตึงตัวในสัปดาห์นี้ก่อนรายงานอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของสหรัฐฯ ฉบับล่าสุด โดยนักลงทุนต่างมองหาสัญญาณว่าราคาใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้วหรือยัง เพื่อที่จะทำให้เฟดมีเหตุผลที่จะผ่อนปรนนโยบายการเงินเชิงรุกเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ
รายงาน CPI ของสหรัฐฯ จะครบกำหนดส่งมอบเวลา 08:30 น. ET (12:30 GMT) และคาดว่าจะลดลงมาที่ 8.7% ในเดือนกรกฎาคม โดยลดลงเล็กน้อยจาก 9.1% ในเดือนก่อนหน้า แม้ว่าการลดลงดังกล่าวอาจบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังถือว่าอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
เฟดระบุว่าการที่จะเริ่มผ่อนปรนนโยบายการเงินที่เข้มงวดได้นั้น เฟดจำเป็นต้องเห็นค่า CPI ที่ลดลงเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน
ข้อมูลเมื่อวันพุธที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าดัชนี ราคาผู้บริโภค(CPI) และ ดัชนีผู้ผลิต (PPI) ของจีนเติบโตในอัตราที่ช้ากว่าที่คาดในเดือนก.ค. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศยังคงเผชิญกับความเสียหายจากมาตรการล็อกดาวน์.
ในขณะเดียวกัน CPI ของเยอรมนี เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนก.ค. ลดลงเพียงเล็กน้อยที่ 7.5% ต่อปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านราคายังคงแข็งแกร่งในพื้นที่เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
ในข่าวองค์กร E.ON SE (ETR:EONGn) ปรับลดมูลค่าการถือหุ้นในท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 ลงประมาณ 700 ล้านยูโร โดยอ้างถึง "ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น" เกี่ยวกับผลกระทบของสงครามรัสเซียต่อ ยูเครน หุ้นในผู้ให้บริการเครือข่ายพลังงานรายใหญ่ที่สุดของยุโรปร่วงลงสู่จุดต่ำสุดของ STOXX 600 ในการซื้อขายช่วงแรก
หุ้น Tui AG NA (ETR:TUIGn) ก็ร่วงลงเช่นกันหลังจากกลุ่มได้ รายงาน การขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาสที่สามเนื่องจากการหยุดชะงักของการจราจรทางอากาศในยุโรปที่ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่บริษัทกล่าวว่าคาดว่าอัตราการจองช่วงฤดูร้อนนี้ใกล้จะถึงระดับก่อนเกิดโรคระบาด
Prudential PLC (LON:PRU) รายงาน การทำกำไรจากการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่เพิ่มขึ้น 8% แต่บริษัทประกันที่เน้นประเทศแถบเอเชียได้เตือนถึงเงื่อนไขที่ท้าทายสำหรับส่วนที่เหลือในปีที่มาตรการควบคุมโรคโควิดยังคงมีอยู่ในบางตลาด ส่งผลให้หุ้นในบริษัทตกเป็นสีแดง
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงหลังจากข้อมูลอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันดิบสหรัฐฯ คงคลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ บ่งบอกถึงอุปสงค์ที่ชะลอตัวของผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลก
ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ระบุว่า น้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เทียบกับที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 100,000 บาร์เรล
ข้อมูลอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐ จะครบกำหนดส่งมอบในวันพุธนี้ โดยหากว่าตัวเลขออกมาคล้ายกัน นั่นจะแสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯได้เพิ่มขึ้นมากเกินความคาดหมายเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน
โดยในเวลา 03:20 น. EST (07:20 GMT) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.86% เป็น 89.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 0.6% เป็น 95.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ ก็ลดลง 0.30% เป็น 1,806.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ EUR/USD อยู่ที่ 1,0210