โดย Oliver Gray
Investing.com - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายกันสูงขึ้นในช่วงต้นของวันจันทร์ หลังจากสัปดาห์ที่แย่ที่สุดของ S&P 500 นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 เนื่องจากดัชนีหลักถูกเทขายออกไปท่ามกลางผลกำไรที่ผันผวนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และความกลัวว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้น
สัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 4.6% ซึ่งเป็นการทำผลงานรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 S&P 500 ลดลง 5.7% และ Nasdaq Composite ร่วง 7.6% ตามลำดับ ขาดทุนรายสัปดาห์ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สี่ และทำดัชนีต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ล่าสุดลงถึง 14%
ในบรรดาหุ้นที่น่าจับตา บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ร่วงลงในช่วงวันศุกร์ โดย Block Inc (NYSE:SQ) ลดลง 7.43%, Amazon.com Inc (NASDAQ:AMZN) ลดลง 5.95%, Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) ลดลง 1.85% Meta Platforms Inc (NASDAQ:FB) ลดลง 4.23% Apple Inc (NASDAQ:AAPL) ลดลง 1.28% และ Alphabet Inc (NASDAQ:GOOGL) ร่วง 2.22% Netflix Inc (NASDAQ:NFLX) ก็ดิ่งลง 21.79% ตามรายงาน ผลประกอบการ ที่น่าผิดหวัง
ด้านผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) ลดลง 5.26%, Rivian Automotive Inc (NASDAQ:RIVN) ลดลง 0.78% และ Lucid Group Inc (NASDAQ: LCID) ลดลง 2.51%
ด้านตลาดตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทน พันธบัตรอายุ 10 ปี เริ่มลดลงในสัปดาห์ที่ 1.762%
สัปดาห์ที่กำลังจะถึงนี้ ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่สี่จะอยู่ในความสนใจ โดย International Business Machines (NYSE:IBM) กำหนด รายงาน ตัวเลขหลังตลาดปิดในวันจันทร์ ขณะที่รายงาน จาก Microsoft, Tesla และ Apple จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด นักลงทุนจะติดตามข้อมูล GDP เบื้องต้น เช่นเดียวกับ การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลาง และ รายงานผลการประชุม ที่ครบกำหนดในวันที่ วันพฤหัสบดี โดยผู้กำหนดนโยบายจะยืนยันว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม และงบดุลจะลดลงในช่วงปลายปี