โดย Oliver Gray
Investing.com - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในการซื้อขายช่วงต้นของเอเชียแปซิฟิกในวันจันทร์นี้ หลังช่วงก่อนหน้านี้ดัชนีหลักทั้งสามปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ที่ดึงเงินของนักลงทุนเข้ามาในตลาดมหาศาล ในขณะที่เงินไหลเข้าสู่หุ้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าเป็นปัจจัยหนุน ขัดขวางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ในวันศุกร์ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 74.73 จุดหรือ 0.21% มาที่ 35369.1 S&P 500 ปิดลงเพียง 0.03% ที่ 4535.42 และ NASDAQ เพิ่ม 32.34 จุดหรือ 0.21% เป็น 15363.52
ในสัปดาห์นี้เราเห็นดาวโจนส์การสูญเสียโมเมนตัมเล็กน้อย ปรับตัวลง 0.2% ในขณะที่ S&P 500 บวก 0.6% และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นล่วงหน้า 1.6%
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ การจ้างานนอกภาคการเกษตร จากกระทรวงแรงงานที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มการจ้างงาน 235,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 720,000 ตำแหน่ง ในขณะที่อัตราการว่างงานลดลงจนถึงการระบาดครั้งใหญ่ครั้งใหม่ที่5.2% จาก 5.4% ในช่วงก่อนหน้าและการเติบโตของค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
รายงานที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาดอาจก่อให้เกิดคำถามว่าธนาคารกลางสหรัฐจะชะลอแผนการลดสินทรัพย์ที่เสนอไว้หรือไม่ เนื่องจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจะใช้ข้อมูลการจ้างงานเป็นปัจจัยสำคัญในการหารือปรับเปลี่ยนนโยบาย
ในช่วงปลายสัปดาห์ แนะจับตาข้อมูล ดัชนีราคาผู้ผลิต ในเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ อาจให้เบาะแสว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังก่อตัวขึ้นอย่างไร หลังจากเดือนกรกฎาคมเผยให้เห็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบทศวรรษ