โดย Yasin Ebrahim
Investing.com – ดัชนี S&P 500 และดาวโจนส์ยังคงทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี นำโดยการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยี เช่นเดียวกับหุ้นวัฏจักร
ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,460.83 ในขณะที่ ดัชนีดาวโจนส์ บวก 0.04% หรือ 14 จุด ปิดที่ 35,499.85 ส่วนดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.4%
การขยับขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ที่นำโดย Apple ช่วยให้กลุ่มเทคโนโลยีโดยรวมมีแนวโน้มขาขึ้น แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากหุ้น Intel และ Micron
Apple (NASDAQ:AAPL) เพิ่มขึ้น 2% ขณะที่ Facebook (NASDAQ:FB), Alphabet (NASDAQ:GOOGL) และ Amazon com (NASDAQ:AMZN) ก็ปิดบวกเช่นกัน
หุ้น Micron Technology (NASDAQ:MU) และ Intel (NASDAQ:INTC) ร่วงลงอย่างรวดเร็ว หลังจาก Morgan Stanley (NYSE:MS) เตือนให้ระวังเกี่ยวกับแนวโน้มของภาคธุรกิจนี้ ท่ามกลางความกังวลว่าอุปทานจะล้นตลาดในอนาคต
Morgan Stanley ปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้น Micron Technology จาก 105 ดอลลาร์เป็น 75 ดอลลาร์ทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมากกว่า 6%
ความแข็งแกร่งในกลุ่มเทคโนโลยีสวนทางกับหุ้นกลุ่มพลังงานและอุตสาหกรรม
กลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงมากที่สุดเมื่อวานนี้ เนื่องจากน้ำมันยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันหลังจากที่ทำเนียบขาวเรียกร้องให้ OPEC+ เพิ่มการผลิตเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่าข้อตกลงการผลิตในปัจจุบันที่ทำโดย OPEC+ จะทำให้ตลาดน้ำมันมีความสมดุล
ในขณะที่นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่า หุ้นวัฎจักรผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต
“เราเชื่อว่าหุ้นะวัฏจักรผ่านจุดต่ำสุดไปในสัปดาห์ที่แล้ว และขณะนี้อยู่ในเส้นทางขาขึ้นในช่วงที่เหลือของปี” มาร์โค โคลาโนวิช หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ JPMorgan (NYSE:JPM) กล่าว
ทางด้านข่าวผลประกอบการ บริษัท Bumble (NASDAQ:BMBL) รายงานการขาดทุนรายไตรมาสที่น่าประหลาดใจ ซึ่งถูกบดบังด้วยแนวโน้มเชิงบวกในไตรมาสที่สาม ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้นกว่า 6%
ราคาหุ้น Palantir Technologies (NYSE:PLTR) พุ่งขึ้น 11% หลังจากผลประกอบการรายไตรมาสดีเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์
ขณะที่ Lordstown Motors (NASDAQ:RIDE) รายงานการขาดทุนรายไตรมาส แต่ประกาศว่าจะเปิดตัวการผลิตรถกระบะรุ่น Endurance ในเดือนกันยายน