โดย วณิชชา สุมานัส
Investing.com - บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) (AMR) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.50 บาท/หุ้น ในราคาหุ้นละ 6.90 บาท ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่เท่ากับ 15.33 เท่า (Post-IPO Dilution) โดยเปิดให้จอง 21-23 กรกฎาคม 2564 และเทรดได้ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ของ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) (AMR) เปิดเผยว่า การกำหนดราคา IPO หุ้นละ 6.90 บาท/หุ้นนั้นเปรียบเทียบกับหุ้นตัวอื่น ๆ ในบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในSET(ตลาดหลักทรัพย์ (SET)) ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน
นายดิถดนัย กล่าวเพิ่มเติมว่า หุ้น AMR ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจและน่าลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะมีการเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่งในช่วงตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ธุรกิจของบริษัทยังอยู่ในเทรนด์ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในงานขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของระบบคมนาคมขนส่งระบบราง การลงทุนเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และ AMR เองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการวางระบบเทคโนโลยีโซลูชั่นแบบครบวงจร และมีประสบการณ์รับงานเทิร์นคีย์ระบบเดินรถไฟฟ้าสัญชาติไทยเจ้าแรกอีกด้วย จึงทำให้มั่นใจได้ว่า AMR มีพื้นฐานที่ดี และดีรับการตอบรับจากนักลงทุนทั้งที่เป็นประเภทสถาบันและนักลงทุนทั่วไปเป็นอย่างดี
นายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) (AMR) กล่าวว่า การระดมทุนจากการขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะทำให้ฐานะทางการเงินของ AMR แข็งแกร่งขึ้น และจะช่วยให้บริษัทมีโอกาสเข้าถึงการรับงานที่มีมูลค่ามากกว่าพันล้านบาท สร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรและคู่ค้า โดยเงินที่ได้มานั้นจะเอาไปพัฒนาธุรกิจด้านคมนาคมขนส่ง ด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และเมืองอัจฉริยะ อันจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำและนำมาเป็นทุนหมุนเวียน และใช้สำหรับงานวิจับและพัฒนาการให้บริการและต่อยอดเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มศักยภาพขีดความสามารถในการแข่งขั้นให้สูงขึ้นได้
นายมารุต ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นการเพิ่มโอกาสให้กับบริษัทได้เติบโตเป็นอย่างมาก ซึ่งภาครัฐมีแผนเปิดประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าในเมือง และรถไฟในต่างจังหวัด และโครงการว่า 20-30% นั้นเป็นโครงการที่มีโอกาสเติบโตในระยะอีกหลาย 10 ปีข้างหน้า