InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 1,200 จุด ส่งสัญญาณการปรับตัวลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในคืนนี้ ต่อเนื่องจากที่ดิ่งลงเมื่อวันศุกร์
ณ เวลา 19.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 1,209 จุด หรือ 3.03% สู่ระดับ 38,670 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 600 จุดในวันศุกร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดังกล่าว ได้ซ้ำเติมตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ หลังการเปิดเผยภาคการผลิตที่อ่อนแอ และจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาด
นายเจเรมี ซีเกล ศาสตราจารย์จาก Wharton School ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย กล่าวเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.75% หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่น่าผิดหวัง
นอกจากนี้ นายซีเกลยังกล่าวว่า เฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างน้อยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนก.ย.
"นี่เป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยที่สุดที่เฟดควรกระทำ โดยอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขณะนี้ควรอยู่ระหว่าง 3.5-4.00%" นายซีเกลกล่าวนายซีเกลระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินของเฟดจะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นให้ดีดตัวขึ้น เหมือนกับที่นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานเฟด ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.50% ในช่วงต้นปี 2544 หลังจากที่ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.2543 ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินดังกล่าวได้ช่วยให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมาก
นักลงทุนเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมที่เหลือในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอเมื่อวันศุกร์ โดยจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.25% จำนวน 1 ครั้ง รวมเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1.25% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดแตะระดับ 4.00-4.25% ในช่วงสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5.25-5.50%
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมเดือนก.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 80.3% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนพ.ย.
ขณะเดียวกัน นักลงทุนให้น้ำหนัก 57.4% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 179,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนมิ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 179,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 206,000 ตำแหน่ง