🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ตามภูมิภาครอลุ้นเงินเฟ้อสหรัฐ-ประชุมเฟด-กนง.-ศาลรธน.

เผยแพร่ 12/06/2567 16:24
© Reuters.  (เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ตามภูมิภาครอลุ้นเงินเฟ้อสหรัฐ-ประชุมเฟด-กนง.-ศาลรธน.
SETI
-

InfoQuest - นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทย

เช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ เนื่องจากนักลงทุนอยู่ระหว่างรอการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ค.ของสหรัฐ และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ส่วนในประเทศ บ่ายวันนี้จะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รวมถึงติดตามศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล มองว่าหากศาลฯ มีความชัดเจน หรือมีคำสั่งว่าจะยุบหรือไม่ยุบพรรคออกมาภายในวันนี้จะเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวขึ้นได้ เพราะทางเทคนิคตลาดหุ้นไทยอยู่ในโซน ขายมากเกินไป (Oversold) ทำให้หากมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนจะส่งผลให้ตลาดฯดีดขึ้นทันที

ให้แนวรับไว้ที่ 1,310-1,300 จุด และแนวต้านที่ 1,325 - 1,330 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 มิ.ย.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,747.42 จุด ลดลง 120.62 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,375.32 จุด เพิ่มขึ้น 14.53 จุด หรือ +0.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,343.55 จุด เพิ่มขึ้น 151.02 จุด หรือ +0.88%

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 38,865.15 จุด ลดลง 269.64 จุด หรือ -0.69%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 18,032.40 จุด ลดลง 143.94 จุด หรือ -0.79% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,025.30 จุด ลดลง 2.75 จุด หรือ -0.09%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 มิ.ย.67) 1,316.10 จุด ลดลง 2.47 จุด (-0.19%) มูลค่าซื้อขาย 45,342.88 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,185.93 ล้านบาท (11 มิ.ย.67)

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 77.90 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 มิ.ย.67) อยู่ที่ 4.01 เหรียญ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 36.72 บาท/ดอลลาร์ ตลาดรอสัญญาณดอกเบี้ยกนง.บ่ายนี้-เกาะติดการเมืองในปท.

- "เศรษฐา" รับปัจจัยการเมืองกดดันตลาดหุ้นไทย ด้าน "ภูมิธรรม" มองการเมืองกระทบตลาดหุ้นระยะสั้น ขณะที่ คลังชี้จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างความเชื่อมั่น คาดไตรมาส 4 เศรษฐกิจฟื้นตัวทั้งจากดิจิทัลวอลเล็ตและการเร่ง เบิกจ่ายงบฯ ดันตลาดหุ้นฟื้นตัว ด้านบล.หยวนต้า ชี้ยุบพรรค ก้าวไกลมีผลต่อดัชนีหุ้นไทยแค่ 5 จุด เหตุไม่มีผลต่อเสถียรภาพ รัฐบาล มองกนง.คงดอกเบี้ยรอบนี้แทบไม่มีผลต่อตลาด คาดภาพรวมเดือนมิ.ย. ตลาดยังซึม ส่วน บล.กสิกรไทย มองการเมืองไทยไม่แน่นอน ดัชนีเสี่ยงหลุด 1,300 จุด

- ธปท.หนุนผู้ใช้บริการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ชำระราคาค่าสินค้าและให้บริการมากขึ้น ล่าสุดเปิดทางผู้ให้บริการรายใหม่ แม้ไม่ได้อยู่ภายใต้กำกับ เข้าทดสอบนวัตกรรมทางการเงิน ใน "โครงการแซนด์บ็อกซ์" ของแบงก์ชาติ หวังเอื้อให้นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ชำระราคา ค่าสินค้าและบริการ ช่วยลดต้นทุนการให้บริการทางการเงิน

- คลัง เดินเครื่องบี้ กนง.หั่นดอกเบี้ย ลุ้นเคาะลดอย่างน้อย 0.25% ชี้ระดับ 2.5% ไม่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจไทย "เศรษฐา" สั่งแก้น้ำมันปาล์มแพง-ทำนโยบาย Direct PPA และเร่งทำแผนท่องเที่ยว ครม.จัดหนัก! 5.5 หมื่นล้าน ช่วยเอสเอ็มอีจัดสินเชื่อใหม่-ค้ำประกันเงินกู้

*หุ้นเด่นวันนี้

- BEM (กสิกรไทย) แนะนำ "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 10.33 บาท มองบริษัทได้ sentiment บวกหลัง ครม.มีมติให้ปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินขึ้น อีกทั้งวันนี้ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษาคดีพิพาทโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม หากตัดสินตามความเห็นตุลาการผู้แถลงคดีเห็นควรให้ยกฟ้องก็จะเป็นบวกกับบริษัท ขณะที่ราคาหุ้นเทรดต่ำกว่าพื้นฐาน โดยเฉพาะมมมติฐานคาดการณ์กำไรเติบโตน้อยกว่าตัวเลขที่ผู้บริหารประเมินทำให้อาจมี upside จากตัวเลขและมีโอกาสปรับประมานการขึ้น

- KCE (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย Consensus 46.50 บาท ตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโตราว 4-7%YOY และ GPM ที่ 24% คาดยอดขายแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นใน Q2/67 ต่อเนื่อง Q3/67 จากที่ล่าช้าในช่วง Q1/67 อัตรากำไรขั้นต้นคาดทยอยเพิ่มจาก Q1/67 ที่ 23% จากการประหยัดต่อขนาด การลดต้นทุนด้วยระบบ Automation และบาทอ่อน ส่วนแผนธุรกิจจะเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ HDI จากความต้องการในตลาด high technology และขยายฐานลูกค้าไปกลุ่ม telecom และ server เชื่อมโยงกับความต้องการด้าน AI ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท +22%YoY และ 2.3 พันล้านบาท +12%YOY

- TTB (พาย) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 1.98 บาท ชอบที่เป็นหุ้นเติบโตและจ่ายเงินปันผลสูงในกลุ่มธนาคาร 1. ความสามารถการทำกำไรสูงขึ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 67 จะเติบโต 14% YOY โดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร 2. งบดุลแข็งแกร่งจากกลยุทธ์การตั้งรับทำให้สำรองหนี้ฯ ปรับลดลง จะลดทอนผลกระทบจากต้นทุนการเงินที่จะเร่งตัวขึ้นในปี 67

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย