InfoQuest - นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ต่อเนื่องสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค โดยเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการทำให้ไม่มีแรงส่ง รวมทั้งตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่มีผลต่อดัชนี
โดยนักลงทุนรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญท้ายสัปดาห์ อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.ของจีน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย.ของสหรัฐ ส่งผลให้ระหว่างนี้ตลาดจะยังไม่ค่อยขยับมากเท่าไร นอกจากนี้ปัจจัยการเมืองในประเทศยัง Overhang อยู่ ทำให้หุ้นขึ้นยาก โดยคำแนะนำการลงทุนวันนี้เลือกเก็งกำไรรายตัวในหุ้นที่มีประเด็นข่าวเฉพาะตัว
พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,360 จุด และแนวต้าน 1,370-1,372 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดทำการวันจันทร์ที่ 27 พ.ค.เนื่องในวัน Memorial Day
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,122.39 จุด ลดลง 1.65 จุด หรือ -0.05% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดที่ระดับ 18,814.01 จุด ลดลง 13.34 จุด หรือ -0.07% ส่วนดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,879.15 จุด ลดลง 20.87 จุด หรือ -0.05%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 พ.ค.) ที่ 1,366.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.89 จุด (+0.14%) มูลค่าซื้อขาย 34,648.93 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,008.86 ล้านบาท (27 พ.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ปิดทำการ เนื่องในวัน Memorial Day
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 พ.ค.) อยู่ที่ 3.27 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.56 แข็งค่าต่อเนื่อง ให้กรอบวันนี้ 36.50-36.80 จับตาตัวเลขศก.สหรัฐคืนนี้
- ชง ครม.วันนี้ (28 พ.ค.) กู้เงินเพิ่ม 1.12 แสนล้านบาท โปะแจกเงินดิจิทัล หลังคลังเผยปีงบ 67 จัดเก็บรายได้เพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท ด้าน สศช.ผวาหนี้เสียสินเชื่อบ้านพุ่ง เหตุครัวเรือนรายได้หมด ผลพวงปัญหาเศรษฐกิจ ขณะที่ "พิชัย" จี้เร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 91% ของจีดีพี
- "กสิกรไทย" เดินหน้าบังคับคดีหลัง "สตาร์ค" ไม่สามารถจ่ายหนี้หุ้นกู้กว่า 5.3 พันล้าน ตามคำสั่งศาลฯครบเดดไลน์เมื่อ 23 พ.ค.67 หวังนำเงินมาคืน "ผู้ถือหุ้นกู้" แย้มรอดูแผนฟื้นฟูคาดส่งมิ.ย.-ส.ค.นี้ ก่อนพิจารณาช่วยเหลือด้าน "สินเชื่อ" ต่อหรือไม่ ด้าน "ไอทีดี" ประเมินธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง ชี้หากขายหุ้น "เหมืองแร่โปแตช" เป็นผลดี ต่อธุรกิจส่งผลให้มีสภาพคล่องเพิ่มเติม
- กรุงเทพธนาคม เล็งเปิดประมูลหารายได้เชิงพาณิชย์ป้ายโฆษณาและร้านค้าบนสถานีใช้หนี้สายสีเขียว หลังจ่ายแล้วก้อนแรก 2.3 หมื่นล้าน พร้อมหนุนนโยบายตั๋วร่วม-ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย
- สศช.จี้แบงก์เร่งช่วยลูกหนี้บ้าน หลังหนี้เน่ากลุ่มต่ำกว่า 3 ล้านเริ่มวิกฤต แนะปรับโครงสร้างหนี้ ตัดเงินต้นเพิ่มกว่าผ่อนจ่ายแต่ดอกเบี้ย
- วันศุกร์ที่ 31 พ.ค.นี้ MSCI Rebalance ดึง BTS LH และ MTC ออกจาก MSCI Global Standard ลงมาเข้า MSCI Global Small Cap ส่งผลเงินไหลออกรวมกัน 1.8 หมื่นล้านบาท กองทุนจ่อเทขาย ส่งผลราคาร่วง ด้านโบรกฯ ยันไม่กระทบพื้นฐาน ราคาย่อตัวเป็นจังหวะเข้าเก็บ ด้าน FTSE Rebalance มีผลราคาปิด 21 มิ.ย.นี้ เพิ่มน้ำหนัก SAWAD BGRIM, CPF, MINT ขณะที่ BJC, TIDLOR, ITC และ BCP มีโอกาสเข้าคำนวณดัชนี SET50 รอบครึ่งปีหลัง SET100 JAS, SKY ติดโผ
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ เฮียริ่งยกระดับมาตรการกำกับ เพิ่มมาตรการ Auto Halt รายหลักทรัพย์-กำหนดกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band และเพิ่มความเข้มข้น กรณีหลักทรัพย์มีสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
*หุ้นเด่นวันนี้
- KTC (เมย์แบงก์) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 50 บาท หลังกิจกรรมโรดโชว์ KTC non-deal show ที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 24 พ.ค.67 ที่ผ่านมา พบว่านักลงทุนตอบรับทั้งเชิงบวกและลบ โดยมีบางรายชอบที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตชัดเจนและงบดุลที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อ่อนแอ นอกจากนี้นักลงทุนยังสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล (DPR) เพื่อรักษา ROE ให้สูงกว่า 20% หลังจากที่ KTC เพิ่ม DPR เป็น 45% ในปี 67 จาก 42% ในปี 66 คงแนะนำ ซื้อ และลดราคาเป้าหมายเหลือ 50 บาท (P/BV 3.2 เท่า และ ROE ระยะยาว 21.1%) จาก 54 บาท หลังจากที่เราปรับลดประมาณการกำไรปี 67-68 ลง 3-5% เพื่อสะท้อนถึงต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อที่สูงขึ้น ทั้งนี้ เรามองว่าแนวโน้มกำไรที่เติบโตชัดเจนและคุณภาพสินทรัพย์ดูดีกว่าคู่แข่ง
- BAFS (เคจีไอ) ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท คาดว่ากำไรสุทธิของ BAFS ในไตรมาส 2/67 จะอยู่ที่ 79 ล้านบาท (+638% YoY, -5% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY และ ลดลง QoQ เป็นเพราะเราคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันเครื่องบินจะอยู่ที่ 1,216 ล้านลิตรใน 2Q67F (+17% YoY, -3% QoQ) หลังจากที่ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยเข้าสู่ช่วง low season ในไตรมาสที่สองและสาม แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการยกเว้นวีซ่าไทย-จีนที่เริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมจะช่วยพยุงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงตามฤดูกาลในไตรมาส 2/67 เรายังคงคำแนะนำซื้อ BAFS และคงราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 30.50 บาท ถึงแม้ว่าผลประกอบการจะมีแนวโน้มแผ่วลง QoQ ในไตรมาส 2/67 แต่เรายังคงชอบ BAFS เนื่องจาก i) คาดว่าผลประกอบการพลิกฟื้นเป็นมีกำไรสุทธิ 421 ล้านบาทในปีนี้ ดีขึ้นจากที่ขาดทุนสุทธิมาตลอดสามปีที่ผ่านมา และ ii) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์กลุ่มท่องเที่ยวของ KGI ประเมินว่าจะอยู่ที่ 35 ล้านคนในปี 2567F และ 38 ล้านคนในปี 2568F
- SPRC (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 9.60 บาท คาดผลประกอบการฟื้นตัวแรงปีนี้ถึง 536% ขณะที่บริษัทรายงานกำไร ไตรมาส 1/67 ออกมาดีกว่าคาดมาก ทำให้เราเห็น upside ที่อาจต้องมีการปรับประมานการกำไรที่เราคาดทั้งปี 2567 นี้ขึ้น โดยเฉพาะเมื่อแค่ไตรมาสเดียวก็คิดเป็นถึง 73% ของประมานการทั้งปีที่เราทำแล้ว นอกจากแนวโน้มผลประกอบการที่คาดปีนี้ฟื้นแรง ระยะสั้นมองได้ sentiment บวกจาก GRM ที่มีโอกาสผ่านจุดอ่อนแอไปแล้วเปลี่ยนเป็นภาพของการฟื้นตัวขึ้นได้กรอบ