InfoQuest - นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดดัชนีพักตัว ตามตลาดต่างประเทศหลังตลาดสหรัฐกลับมาติดลบ นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกช้ากว่าที่ตลาดคาด หลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง โดยเมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐดีกว่าที่ตลาดคาด สอดคล้องกับตัวเลขภาคการผลิตที่ออกมาดีกว่าคาดเช่นเดียวกัน
จากประเด็นดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวพุ่งทำจุดสูงสุดของปีนี้ และหุ้นเป็นภาพของการปรับฐานลงไป ซึ่งเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคให้ปรับลง แต่เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่ปรับลงแรงกว่าตลาดต่างประเทศ เพราะตลาดหุ้นไทยค่อนข้าง Laggard และยังมี Sentment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ติดตามผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มีการขยายกรอบวงเงินงบประมาณปี 68 เพิ่มขึ้น 1.5 แสนล้าน คาดว่าจะนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งหากโครงการดังกล่าวทำสำเร็จเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก แต่อาจมีความกังวลสถานะการเงิน การคลังของไทยที่อาจอ่อนแอลง และอาจทำให้มาตรการกระตุ้นในระยะยาวมีข้อจำกัดมากขึ้น ขณะที่ระยะสั้นติดตามค่าเงินบาทที่มีโอกาสอ่อนค่าได้ และ Flow คงจะยังไม่ไหลกลับเข้ามา
โดยให้กรอบแนวรับ 1,370 จุด และแนวต้าน 1,385 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (2 เม.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,170.24 จุด ลดลง 396.61 จุด หรือ -1.00%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,205.81 จุด ลดลง 37.96 จุด หรือ -0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,240.45 จุด ลดลง 156.38 จุด หรือ -0.95%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,926.85 จุด ลดลง 4.67 จุด หรือ -0.2% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,074.89 จุด ลดลง 0.07 จุด หรือ -0.002% ส่วนดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 39,503.72 จุด ลดลง 335.19 จุด หรือ -0.84%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 เม.ย.) 1,379.46 จุด ลดลง 0.02 จุด (0.00%) มูลค่าซื้อขาย 38,240.09 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,548.78 ล้านบาท (2 เม.ย.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. (2 เม.ย.)เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.72% ปิดที่ 85.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 เม.ย.) อยู่ที่ 4.22 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.62 แกว่งแคบขยับแข็งค่าเล็กน้อย รอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐคืนนี้
- "รัฐบาล" เดิมพันดิจิทัลวอลเล็ต รัฐขยับกรอบงบฯ 68 ขาดดุลพุ่งแตะ 8.6 แสนล้าน หลัง ครม.เคาะขาดดุลเพิ่มอีก 1.527 แสนล้าน ดันหนี้สาธารณะต่อจีดีพีขยับแตะ 67% หลังเศรษฐกิจโตต่ำศักยภาพ เปิดแผน การคลังประเทศระยะปานกลาง หนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงเกิน 67% ต่อจีดีพีต่อเนื่องไปตั้งแต่ปี 69-71 โฆษกรัฐบาลย้ำเป้ารัฐบาลทำจีดีพีโตไม่ต่ำกว่า 3% หวังเศรษฐกิจดีหนี้ต่อจีดีพีลด
- "สุริยะ" เปิดสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า "สีเหลือง-ชมพู" หลังเกิดอุบัติเหตุบ่อย เผยทำได้แค่ปรับ หักเงินใช้คืนค่าก่อสร้างรายปี 5% หรือ 125 ล้านบาท เร่งกรมรางเสนอ พ.ร.บ.ขนส่งทางราง เข้า ครม. ก่อนดันผ่านสภาฯ ปลายปีนี้ หวังเพิ่มอำนาจรัฐลงโทษผู้ประกอบการ จนถึงขั้นยกเลิกสัญญา ยันรถไฟฟ้า 20 บาท ทำได้แน่ หลัง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมคืบหน้า 90%
- "กสทช." มีมติเอกฉันท์ ถอดฟุตบอลโลกออกจากกฎมัสต์แฮฟ มีผลทันที ดับฝันคอบอลดูถ่ายทอดสดฟรี ชี้เหตุมีมูลค่าเชิงพาณิชย์ หวังจบดราม่า อุปสรรค และปัญหาคาราคาซังที่มีมาโดยตลอด
*หุ้นเด่นวันนี้
- ตลาด mai รับ บมจ. บีพีเอส เทคโนโลยี เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "BPS" ในวันที่ 3 เมษายน 2567 ราคา IPO ที่ 0.90 บาท โดย BPS เป็นผู้จัดหาและจำหน่ายสินค้าประเภทวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์เทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันธุรกิจของ BPS เข้าสู่การเป็น Solution Provider ด้วยกลยุทธ์ในการต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่ให้เป็นผลิตภัณฑ์และบริการประเภทเทคโนโลยีและดิจิทัลแบบครบวงจร โดยเป็นศูนย์รวมของสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยให้กับลูกบ้าน กลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจและโรงงาน
- PTTEP (กรุงศรี) แนะนำซื้อ เป้า IAA Consensus 179.5 บาท เป็น Oil link Company ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นใกล้ระดับ 85.15$/bbl ทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 เดือน กังวล supply ตรึงตัวจากสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง
- AAI (กสิกรไทย) แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 5.10 บาท คาดได้ sentiment บวกจาก 1. ยอดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยในเดือน ก.พ. อยู่ที่ 205.3 ล้านดอลลาร์ฯ (+29.7% YoY, +9.6% MoM) จากค่าระวางเรือ เอเชีย-สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มลดลง 2. KBANK (BK:KBANK) ประเมินค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 37 บาทต่อ USD โดยการอ่อนค่าของเงินบาททุกๆ 1 บาทจะเปิด upsides ต่อประมาณการกำไรทั้งปี 67 ของ AAI ที่ 5% และ 3. คาดกำไรปี 67 ฟื้นตัว 56.7% YoY จากยอดขายรวมเติบโต 19% และ GPM จะอยู่ในช่วงระหว่าง 13% ถึง 15%
- ITC (ลิเบอร์เรเตอร์) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 23.60 บาท คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/67 ยังเพิ่มขึ้น y-y ตามยอดคำสั่งซื้อที่กลับมา และคาดยอดขายปี 67 จะเติบโต +15%y-y ส่วนกำไรสุทธิเติบโต +29%y-y ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าหลัก สหรัฐฯ และยุโรปที่ยังดีขึ้น ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ระดับ 36.6 บาทต่อดอลล่าร์ อ่อนสุดในรอบ 5 เดือน บวกต่อกลุ่มส่งออก