Investing.com - ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. ภาษีอากร ภาษีอากร แล้วก็ภาษีอากร
เมื่อเวลาปิดตลาดซื้อขายเมื่อวานนี้ ก็ดูเหมือนว่าการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ กำลังเป็นไปได้ด้วยดี คณะผู้แทนจากจีนราวหนึ่งร้อยกว่าคนกำลังออกเดินทางเพื่อไปเยือนกรุงวอชิงตัน และจีนได้วางแผนไว้ว่าจะดำเนินการเจรจาต่อไปกับรัฐบาลของทรัมป์ พร้อมกับคณะผู้แทนจากจีนที่เดินทางมาถึง
ทว่าเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับดิ่งลงต่ำกว่าจุดต่ำสุดอย่างมาก
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าผู้ลงทุนและเทรดเดอร์ต่างเชื่อว่า ช่วงก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ที่จะเพิ่มการเก็บภาษีอากรของสินค้าจีนที่มีมูลค่าราว 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดิม 10% เป็น 25% เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ในการต่อรองของนายทรัมป์เท่านั้น
แม้ว่าการกระทำดังกล่าวอาจเป็นกลยุทธ์จริง ๆ ก็ได้ แต่เมื่อวานนี้ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ได้เผยว่าสหรัฐฯ จะเริ่มเรียกเก็บภาษีอากรในวันศุกร์นี้ เนื่องจากจีนไม่ทำตามข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้
บรรดาตลาดซื้อขายหุ้นล่วงหน้าต่างก็ดิ่งลงกระทันหัน Dow ดิ่งลง 297 จุด และ S&P 500 พุ่งลง 38 จุด อีกทั้ง Nasdaq 100 ก็ปรับลงไปถึง 126 จุด
ทั้งราคาข้าวโพด ถั่วเหลือง และข้าวสาลี ที่สุ่มเสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบจากการเจรจาทางการค้า ต่างก็มีราคาที่ลดลงทุกรายการ
ต้นตอของปัญหาที่แท้จริงยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะนายไลท์ไฮเซอร์ยังไม่ได้แจงรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม และในระหว่างนี้คณะผู้แทนจากจีนก็กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน เพื่อเข้าร่วมการเจรจาครั้งต่อไปในวันพฤหัสบดีและศุกร์นี้ แม้ยังไม่มีใครทราบว่า นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีนผู้ควบคุมดูแลนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน จะมาเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ด้วยหรือไม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสตีเวน มนูชิน กล่าวว่า ถึงแม้ว่าประเด็นที่น่ากังวลต่าง ๆ จะคลี่คลายไปแล้วบางส่วน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่เขากับนายไลท์ไฮเซอร์ได้เดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งเพื่อเข้าร่วมการเจรจาทางการค้า แต่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การเจรจาทางการค้าได้ "ถอยหลังจากเดิมอย่างมาก"
2. หุ้น (NASDAQ:Lytf) ที่ดิ่งลงย่อยยับ หวังจะได้รับแรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการ
ผู้ลงทุนต่างเฝ้ารอการรายงานของบริษัทหน้าใหม่ในปฏิทินการประกาศผลประกอบการวันนี้
บริษัท Lyft (NASDAQ:LYFT) จะรายงานผลประกอบการหลังเวลาปิดตลาด จากผลคาดการณ์โดยเหล่านักวิเคราะห์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่าบริษัทจะ ขาดทุน อยู่ที่ $3.33 ต่อหุ้น
และคาดว่าจะมีรายได้ 740 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ครั้งนี้จะเป็นการรายงานผลประกอบการครั้งแรกของ Lyft นับตั้งแต่การเข้าตลาดหุ้นครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาตลาดก็กดดันให้ราคาหุ้นดิ่งลงเรื่อย ๆ
ปัจจุบันราคาหุ้นของบริษัทพุ่งลงถึง 22% จากวันแรกของการซื้อขาย
3. ตัวเลขจาก API จะพุ่งขึ้นเหมือนตัวเลขของ EIA หรือไม่
จากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ข้อมูลปริมาณน้ำมันจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา ก็เป็นที่น่าจับตาในวันนี้ ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อุปทานและกำลังการผลิต น้ำมันดิบสหรัฐฯ ถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้านไม่ให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นล่วงหน้าก่อนฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง ซึ่งมักมีอุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้นเสมอ
สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดก่อนวันที่ 26 เมษายน เผยให้เห็นกำลังการผลิตสุทธิที่สูงขึ้นทำสถิติถึง 12.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI มีราคาปิดสูงขึ้น 31 เซนต์ที่ $62.25 ต่อบาร์เรล หลังจากที่สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดและเรือบรรทุกเครื่องบินหลายลำไปยังตะวันออกกลางเพื่อตอบโต้การข่มขู่จากอิหร่าน สร้างความตึงเครียดให้แก่ทั้งภูมิภาค