Investing.com - ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. การรายงานตัวเลขจากตลาดแรงงาน ล่วงหน้าก่อนการประกาศอัตราจ้างงานในวันศุกร์นี้
ในวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขจากตลาดแรงงาน ล่วงหน้าก่อนการเผยตัวเลขสำคัญประจำเดือนเมษายน
ในเวลา 7:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (11:30 GMT) บริษัทจัดหางาน Challenger, Gray & Christmas จะรายงาน ตัวเลขการเลิกจ้างงาน สำหรับเดือนเมษายน
และในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก กรมแรงงานสหรัฐฯ จะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์
จากผลการคาดการณ์ที่ Investing.com รวบรวมจากเหล่านักเศรษฐศาสตร์ คาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน สำหรับการยื่นขอครั้งแรกจะลดลงไปอยู่ที่ 220,000 ราย
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ก็จะรายงานยอดคำสั่งซื้อจากโรงงานประจำเดือนมีนาคมในเวลา 10:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
โดยเฉลี่ยแล้วนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ยอดคำสั่งซื้อ เดือนมีนาคมจะพลิกฟื้นเพิ่มขึ้น 1%
2. Cigna และ Shell (LON:RDSa) เตรียมรายงานผลประกอบการ
นอกจากนี้ สัปดาห์นี้ก็จะเป็นสัปดาห์แห่งการประกาศผลประกอบการอย่างหนักหน่วงอีกเช่นกัน
รายงานผลประกอบการจากบริษัทต่าง ๆ ที่น่าสนใจได้แก่:
Cigna (NYSE:CI) หนึ่งในบริษัทประกันสุขภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจะรายงานผลประกอบการก่อนเวลาซื้อขาย โดยเหล่านักวิเคราะห์ที่ Investing.com รวบรวมมาได้คาดไว้ว่าบริษัทจะรายงาน ผลกำไร ในไตรมาสแรกที่ $3.78 ต่อหุ้น ลดลงจากปีที่แล้วที่ $4.11 ต่อหุ้น
และคาดว่าจะมีรายได้ 4.269 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับรายได้ในปีที่แล้วเนื่องจาก Cigna เพิ่งซื้อกิจการบริษัทผู้บริหารจัดการระบบยา Express Scripts (NASDAQ:ESRX) มาเมื่อปีที่แล้วด้วยมูลค่า 6.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้หุ้นของบริษัทจึงมีราคาลดลง 14.7%
Royal Dutch Shell (NYSE:RDSa) บริษัทผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ คาดว่าจะรายงาน ผลกำไร รายไตรมาส ที่ $1.11 ต่อหน่วยการฝากหลักทรัพย์สหรัฐฯ และคาดว่าจะมีรายได้ 8.465 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงมา 5.1% จากปีที่แล้ว นอกจากนี้ใบรับฝากหุ้นสหรัฐฯ ยังปรับขึ้นมา 7.6% ในปีนี้อีกด้วย สืบเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
3. ตลาดรอลุ้นว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมหรือไม่
ผู้ลงทุนต่างก็ผิดหวังอย่างมากหลังจากการประชุมเฟดเมื่อวานนี้ เนื่องจากประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ได้ทำลายความหวังของผู้ลงทุนที่หวังจะให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยเสียจนหมดสิ้น
เฟด คงอัตราดอกเบี้ยไว้ดังเดิม ที่ระหว่าง 2.25% ถึง 2.5%
นายเพาเวลล์ได้กล่าวไว้ในงานแถลงข่าวว่า “เราเชื่อว่าจุดยืนด้านนโยบายของเราในขณะนี้มีความเหมาะสมแล้ว เรายังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปรับทิศทางไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่ง"
ก่อนหน้านี้ตลาดได้คาดไว้ว่ามีโอกาสมากกว่า 50% ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แต่ความเป็นไปได้ดังกล่าวกลับถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือนธันวาคมแทน ข้อมูลจาก เครื่องมือติดตามดอกเบี้ยของเฟด ใน Investing.com ได้เผยว่ามีโอกาสถึง 54.5% ที่จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลดลงหลังจากการประชุมดังกล่าว
ส่วน ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ แบบสิบปี ก็คงตัวอยู่ที่ระดับ 2.5% ปรับลงเล็กน้อยจากการซื้อขายครั้งล่าสุด