Investing.com -- หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ในวันศุกร์ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษมากกว่าที่คาดไว้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการทำนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของญี่ปุ่นที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วยเช่นกัน
นอกจาก การเคลื่อนไหวของ BoE แล้ว สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงยังได้รับผลกระทบจาก ความเห็นที่กระท่อนกระแท่นจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ซึ่งขึ้นแถลงต่อหน้ารัฐสภา เขากล่าวว่าฑนาคารกลางสหรัฐฯ อาจขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยสองครั้งในปีนี้
ปัจจัยทั้งสองเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการทำนโยบายการเงินเข้มงวดของธนาคารกลางทั่วโลก และเห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่เลือกทิ้งสินทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วยความเสี่ยงและมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยไป
ดัชนีฮั่นเส็งของฮ่องกงเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดในเอเชีย ฮั่นเส็งได้ปรับตัวลดลง 1.8% ในการซื้อขายหลังจากวันหยุดในวันพฤหัสบดี ตลาดหุ้นจีนปิดทำการในวันนี้ แต่ก็ได้ทำราคาปิดต่ำกว่าในวันพุธหลังจากการลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมีนัยสำคัญของธนาคารกลางแห่งประเทศจีน
ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ร่วงลง 0.7% ขณะที่ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียร่วง 1.1% แม้ว่าข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจจนถึงเดือนมิถุนายนจะแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมภาคการผลิตและภาคบริการมีการปรับตัวที่ดีขึ้น
หุ้นญี่ปุ่นร่วงหลังเงินเฟ้อโตเกินคาด
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นลดลง 1.7% ในขณะที่ดัชนี TOPIX ปรับตัวลดลง 1.5% หลังจากข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานหรือมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ตลอดเดือนพฤษภาคม
ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน อัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมค่าอาหารและเชื้อเพลิงในเดือนพ.ค. พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 42 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นยังคงสูงอยู่
แนวโน้มดังกล่าวชี้ไปที่แรงกดดันต่อธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นให้มีเข้มงวดกับนโยบายการเงินมากกว่านี้ แม้ว่าธนาคารกลางจะย้ำว่าไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษในอนาคตอันใกล้
อัตราเงินเฟ้อที่สูงอาจช่วยชดเชยความยืดหยุ่นในเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งส่วนหนึ่งดึงดูดให้ต่างชาติซื้อหุ้นในประเทศจำนวนมาก
นักลงทุนใช้ตัวเลขเงินเฟ้อสูงเป็นตัวกระตุ้นเพื่อทำกำไรในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ส่งผลให้ทั้งดัชนี Nikkei และ TOPIX พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 33 ปีในช่วงต้นสัปดาห์
หุ้นอินเดียร่วงต่อเนื่องจากระดับสูงสุดที่เป็นสถิติใหม่
ตลาดฟิวเจอร์สสิงคโปร์ และดัชนี Nifty 50 ของอินเดียเปิดตลาดด้วยแรงซื้อที่อ่อนแอ หลังจากที่ทั้งดัชนี Nifty และ BSE Sensex 30 ได้ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี
ความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอินเดียทำให้แรงซื้อจากต่างประเทศที่เข้ามาในตลาดหุ้นท้องถิ่นลดลง นักวิเคราะห์ได้ออกมาเตือนเมื่อเร็วๆ นี้ว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กอาจจะปรับฐาน เนื่องจากมูลค่าหุ้นอยู่สูงเกินไปในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ
ความกังวลที่มีต่อการคืนชีพของอัตราเงินเฟ้อของอินเดียก็กลับมามีบทบาทอีกครั้ง นอกจากนี้มรสุมที่พัดเข้าสู่ประเทศอินเดียยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดลงทุนของประเทศ