1. เตรียมจับตาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังผลประกอบการ Apple, Facebook ออกมาดีเกินคาด
ราคาหุ้นของ Facebook (NASDAQ:FB) พุ่งขึ้นหลังเวลาการซื้อขายในวันนี้ หลังจาก ผลประกอบการและรายได้ ออกมาดีเกินคาดเนื่องจากการเติบโตของกิจการภาคการโฆษณา
กำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทอยู่ที่ $2.12 ต่อหุ้น และมีรายได้ 1.765 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ต่างจากผลคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ Investing.com รวบรวมมาซึ่งคาดว่าจะมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ $1.90 ต่อหุ้น และคาดว่าจะมีรายได้ 1.736 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไร $1.76 ต่อหุ้น และมีรายได้ 1.373 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ในช่วงหลังเวลาตลาดปิด ราคาหุ้นของบริษัทได้บวกขึ้นมาถึง 4.6%
หุ้นของ Apple (NASDAQ:AAPL) ปรับขึ้นมาราว 2% ภายหลังจากบริษัทประกาศผลประกอบการที่ทำให้ตลาดพึงพอใจ
นอกจาก ผลกำไร และรายได้ที่สูงเกินคาดแล้ว ยอดขายที่เคยคาดการณ์ไว้สำหรับไตรมาสที่หนึ่งก็เป็นไปตามคาดด้วยเช่นกัน เนื่องจากการจับจ่ายในช่วงเทศกาลและการขาย iPhone 11 ตลอดทั้งไตรมาสได้หนุนให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
2. ตัวเลขเกี่ยวกับผู้บริโภค, ตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อ
ในวันนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะรายงาน ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งคำนวนโดยไม่รวมราคาด้านอาหารและพลังงาน และจะรายงานพร้อมกับรายจ่ายและรายได้ส่วนบุคคล ในเวลา 8.30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 PM GMT)
คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานประจำเดือนกันยายนจะยังคงเดิมจากเดือนที่แล้วเท่ากับ 0.1% แต่เมื่อเทียบเป็นรายปีแล้วจะชะลอตัวลง 1.7% จาก เมื่อปีก่อนที่ 1.8%
ก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ก็จะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดก่อนวันที่ 26 ตุลาคมด้วย
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก จะเพิ่มขึ้นเป็น 215,000 ราย สูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 212,000 ราย
และคาดว่า รายได้ส่วนบุคคล ประจำเดือนกันยายนจะชะลอตัวลงเหลือ 0.3% จากเมื่อเดือนก่อน 0.4% ขณะที่ รายจ่ายส่วนบุคคล น่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
ที่ผ่านมา Kraft Heinz (NASDAQ:KHC) ประสบกับอุปสรรคมากมาย ทั้งราคาหุ้นที่ทรุดตัวลงมาราวหนึ่งในสามจากราคาเดิมในปีนี้ อีกทั้งต้นทุนที่สูงขึ้นและยอดขายที่อ่อนแอลง ซึ่งล้วนกดดันประสิทธิภาพทางการเงินของบริษัทโดยทั้งสิ้น
คาดว่า Kraft Heinz จะรายงาน ผลกำไร ที่ 54 เซนต์ต่อหุ้น และคาดว่าจะมีรายได้ 6.13 พันล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำลงจากเมื่อปีที่แล้วที่มีกำไร 78 เซนต์ และมีรายได้ 6.38 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนบริษัทอื่น ๆ ที่น่าสนใจที่จะรายงานผลประกอบการในวันนี้ได้แก่ Royal Dutch Shell (NYSE:RDSa), Bristol-Myers Squibb (NYSE:BMY), Clorox (NYSE:CLX), Dunkin Brands Group (NASDAQ:DNKN) และ Altria (NYSE:MO).