โดย Peter Nurse
Investing.com – ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงในการซื้อขายในช่วงต้นของตลาดยุโรปเมื่อวันอังคาร โดยขยับเข้าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากเทรดเดอร์ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นเต็มจุดเปอร์เซ็นต์ในเดือนนี้
เมื่อเวลา 2:55 น. ET (0655 GMT) ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์เทียบกับกลุ่มสกุลเงินอื่น ๆ อีก 6 สกุล ซื้อขายลดลง 0.2% เป็น 107.045 จากระดับต่ำสุดของวันจันทร์ที่ 106.88 แต่ก็กลับมาทำผลงานดีเช่นกัน โดยแตะระดับสูงสุดที่ 109.29 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งแต่เดือนกันยายน 2002
ค่าเงินดอลลาร์ค่อย ๆ อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบหลายปี เนื่องจากความกังวลว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยขนาดใหญ่โดย เฟด ณ สิ้นเดือนกรกฎาคมได้ผ่อนคลายลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสมาชิก FOMC 2 ท่าน เจมส์ บุลลาร์ด และ คริส วอลลเลอร์ กล่าวว่าพวกเขายังสนุบสนุนขนาดอัตราดอกเบี้ยที่ 75 จุดพื้นฐาน
“เราสงสัยว่าระหว่างนี้จนถึงการประชุม FOMC ในวันที่ 27 กรกฎาคม ตลาดจะยังคงพิจารณาการเพิ่มขึ้น 100 จุดพื้นฐาน อีกครั้งอย่างจริงจัง ประการแรกเนื่องจากคณะกรรมการได้เข้าสู่ช่วงไม่ให้ความคิดเห็นแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีคำกล่าวจากสมาชิกจนกว่าจะถึงสัปดาห์หน้า ประการที่สอง เนื่องจากข้อมูลของสหรัฐฯ ที่จะถูกเปิดเผยในสัปดาห์นี้ถือว่าเป็นข้อมูลรองท็อปในสัปดาห์นี้” นักวิเคราะห์จาก ING กล่าวในหมายเหตุ
EUR/USD ขยับขึ้น 0.3% เป็น 1.0169 ก่อนการประชุม ธนาคารกลางยุโรป ในวันพฤหัสบดี ซึ่งผู้กำหนดนโยบายจะเริ่มต้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 25 จุดพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างคาดหวังให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นครึ่งจุดเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากข้อมูลสุดท้ายของ CPI ยุโรป ที่จะเผยแพร่ในช่วงหลังการแก้ไขได้แสดงให้เห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเหนือ 8.6% ต่อปีที่ในเดือนมิถุนายน
ในทางกลับกัน ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงมีอยู่อย่างแพร่หลายในอิตาลี โดยนายกรัฐมนตรี Mario Draghi ที่ได้รับความนับถืออย่างกว้างขวางจะกล่าวปราศรัยต่อฝ่ายนิติบัญญัติในวันพุธ ที่เขาจะประกาศเจตนารมณ์ที่จะลองเข้าร่วมพรรคร่วมที่แตกร้าวอีกครั้ง หรือลาออกจากราชการ
นอกจากนี้ มีการคาดหวังส่ารัสเซียจะเปิดระบบส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรปตะวันตกผ่านท่อ Nord Stream ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังการปิดซ่อมบำรุงตามกำหนด เงินยูโรมีแนวโน้มที่จะถูกกดดันหากมอสโกเลือกที่จะยืดเวลาการซ่อมบำรุงด้วยเหตุผลทางการเมืองเนื่องจากสงครามในยูเครนยังคงดำเนินต่อไป
“ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเงินยูโร” ING กล่าวเสริม “การแพร่กระจายของพันธบัตรอิตาลีที่เพิ่มขึ้นอาจเพิ่มแรงกดดันให้กับสกุลเงินทั่วไปในสัปดาห์นี้ (และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ EUR/CHF) แม้ว่าจะมีการพัฒนาใด ๆ ระหว่างสหภาพยุโรปและรัสเซียเกี่ยวกับอุปทานก๊าซและขยับไปที่ความเชื่อมั่นในความเสี่ยงทั่วโลกที่ยังเป็นแรงหนุนส่วนใหญ่ของ EUR/USD ต่อไป"
ข้อมูลอื่น ๆ AUD/USD เพิ่มขึ้น 0.6% เป็น 0.6854 หลังจากรองผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย ไมเคิล บุลล็อค บอกเป็นนัยถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในอนาคต โดยกล่าวว่าภาคครัวเรือนในออสเตรเลียโดยทั่วไปอยู่ในสถานะที่ดีที่จะรับต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้น
ธนาคารกลาออสเตรเลีย ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 50 จุดเป็น 1.35% ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งที่สามในรอบหลายเดือน
USD/JPY ลดลง 0.3% เป็ย 137.75 และ USD/CNY เพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 6.7477 โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นจะประชุมในวันพฤหัสบดี ขณะที่ธนาคารกลางของจีนจะประชุมในวันพุธ
GBP/USD เพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 1.1978 ดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงมาที่ 1.1761 เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีนาคม 2020 โดยสหราชอาณาจักรต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงเพื่อแทนที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันที่ออกจากตำแหน่ง
ข้อมูลตลาดแรงงาน ที่เผยแพร่เมื่อต้นวันอังคารที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าคนงานชาวอังกฤษกลับเข้าสู่ตลาดงานด้วยอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาด เนื่องจากวิกฤตค่าครองชีพดึงดูดให้ผู้คนมีงานทำมากขึ้น
ค่าเงินบาท USD/THB แข็งค่าเล็กน้อยในช่วงบ่าย 0.19% มาอยู่ที่ 36.570 บาทต่อดอลลาร์