โดย Peter Nurse
Investing.com – ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นในการซื้อขายช่วงต้นของยุโรป เพราะความเชื่อมั่นในความเสี่ยงเบาบางลงเนื่องจากธนาคารกลางเข้มงวดมากขึ้นกับนโยบายการเงินซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก
เมื่อเวลา 3:05 น. ET (07.05 GMT) ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งติดตามค่าเงินดอลลาร์เทียบกับกลุ่มของสกุลเงินอื่น ๆ อีก 6 สกุล ซื้อขายสูงขึ้น 0.2% เป็น 102.562
ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มตอบโต้อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นด้วยการออกนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมานโยบายการเงินได้ผ่อนคลายลงอย่างมากจากการระบาดของโควิด19
เมื่อต้นวันพุธ ธนาคารกลางของอินเดียได้เพิ่ม อัตราดอกเบี้ย เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน 50 จุดพื้นฐาน เป็น 4.90% เป็นการเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกับ ธนาคารกลางออสเตรเลีย ในวันอังคาร
คาดว่า เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เกณฑ์มาตรฐานกองทุน อีก 50 จุดพื้นฐานในสัปดาห์หน้าและอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ ธนาคารกลางยุโรป จะประชุมกันในวันพฤหัสบดีและคาดว่าจะวางฐานสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยธนาคารโลกได้ปรับลดตัวเลขการประมาณการการเติบโตทั่วโลกในปีนี้ลงเหลือ 2.9% จากที่คาดการณ์ในเดือนมกราคมที่ 4.1% โดยอ้างถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น การหยุดชะงักของอุปทาน และการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย
ยกเว้นธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นซึ่งไม่ได้ระบุว่าจะยกเลิกนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้ว่าการ BOJ ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ได้ตอกย้ำอย่างหนักแน่นว่ายังไม่มีการหารือเกี่ยวกับแผนการกระชับการเงินใด ๆ
ส่งผลให้ USD/JPY เพิ่มขึ้น 0.5% เป็น 133.24 โดยไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ขณะที่ค่าเงินเยนปรับตัวอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีเมื่อเทียบกับยูโร
“ตลาดกำลังทดสอบความตั้งใจของทางการญี่ปุ่นอย่างจริงจังในการดำเนินการเพื่อสนับสนุนสกุลเงิน และการแทรกแซงด้วยวาจาอาจไม่เพียงพอในครั้งนี้” นักวิเคราะห์จาก ING กล่าวในหมายเหตุ
EUR/USD ลดลง 0.1% เป็น 1.0687 หลังจาก การผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนี เพิ่มขึ้นเพียง 0.7% ในเดือนเมษายน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ 1.0% และข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารพบว่า คำสั่งซื้อใหม่ ลดลง 2.7% ในเดือนเดียวกัน สองข้อมูลนี้สนับสนุนแนวคิดที่ว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยูโรโซนอาจได้รับผลกระทบจากการหดตัวทางเศรษฐกิจถึงหนึ่งในสี่
GBP/USD ลดลง 0.1% เป็น 1.2571 หลังจากช่วงการซื้อขายที่ผันผวนท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองหลังจากนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของสหราชอาณาจักรเอาชนะการออกเสียงไม่ไว้วางใจ
“เราคิดว่าตลาดมีเชื่อมากเกินไปต่อผลกระทบจากการเมืองที่มีต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเมื่อเร็ว ๆ นี้ และเราคาดว่าค่าเงินปอนด์ที่ผันผวนจะลดลงในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า โดยโฟกัสอาจเปลี่ยนกลับไปอยู่ที่ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น นโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ หรือแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว” ING กล่าวเสริม
สกุลเงินที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยง AUD/USD ลดลง 0.4% เป็น 0.7199 ผลจากจากการที่ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันอังคาร NZD/USD ลดลง 0.5% เป็น 0.6456 ขณะที่ USD/CNY ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 6.6726