โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management
ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 5 สิงหาคม 2019
มีคำสองคำที่สามารถนำมาใช้อธิบายสถานการณ์ของตลาดในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี นั่นคือคำว่า วิตกและหวาดกลัว วันนี้ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลงไปมากกว่า 750 จุด ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลดลงภายในวันเดียวที่มากที่สุดในปี 2019 เลยทีเดียว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศที่จะใช้มาตรการภาษีใหม่กับจีน และภายในช่วงข้ามคืนจีนก็ได้ปล่อยให้ค่าเงินหยวนร่วงลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์จน USD/CNY ทะลุระดับ 7.0 และเพื่อเป็นการลดค่าเงินให้น้อยลงไปอีก จีนได้ขอให้ผู้ซื้อในประเทศหยุดการนำเข้าสินค้าทางการเกษตรจากสหรัฐฯ ทั้งหมดด้วย การที่ประธานาธิบดีทรัมป์โต้ตอบด้วยการเรียกจีนว่า “ผู้บงการสกุลเงิน” ทำให้เกิดความกังวลเพิ่มมากขึ้นว่าเขาจะสั่งการให้กระทรวงการคลังดำเนินการบางอย่างกับจีนต่อไปหรือไม่ เพราะหากกระทรวงการคลังต้องตราหน้าจีนว่าเป็น “ผู้บงการสกุลเงิน” หลังจากที่ไม่ได้ทำเช่นนั้นมาตั้งแต่ปี 1994 ก็จะทำให้ทรัมป์มีเหตุผลที่จะใช้เพื่อสกัดการนำเข้าจากจีนได้มากขึ้น การกระทำและความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเช่นนี้เป็นสัญญาณว่าจะเกิดเหตุเลวร้ายกว่านี้ขึ้นได้อีกเพราะทรัมป์ได้ออกปากไว้แล้วว่าจะ “เก็บภาษีกับจีนให้สะใจ” แรงเทขายของดัชนีดาวและการปรับลดลงอย่างรุนแรงของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรแสดงให้เห็นว่าตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจและผู้บริโภคในสหรัฐฯ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคก็คือราคาสินค้าจะสูงขึ้น รวมทั้งมูลค่าการลงทุนจะลดต่ำลง ส่วนธุรกิจต่างๆ ในสหรัฐฯ ก็อาจมีผลประกอบการลดน้อยลงซึ่งอาจส่งผลบริษัทให้บริษัทมีการลงทุนและการจ้างงานที่ลดลงตามไปด้วย
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาชี้แจงว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยการตัดสินใจของนายพาวเวลล์ ประธานเฟดนั้นน่าผิดหวังและเป็นตัวเลขที่ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นทรัมป์จึงต้องลงมือเองเพื่อกระทำการที่เฟดไม่สามารถทำได้นั่นก็คือการทำให้ค่าเงิน ดอลลาร์ อ่อนลง รวมทั้งผลักดันให้ดอกเบี้ยพันธบัตรปรับลดลงเพื่อให้สถานการณ์เอื้อต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ทั้งการใช้มาตรการทางภาษีกับจีนและการที่ดัชนีดาวร่วงลงไป 800 จุดในวันจันทร์ (หรือ 1400 จุดนับตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา) ทำให้นักลงทุน เชื่อมั่น ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะไม่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่จะมีถึงสองครั้งในปีนี้ ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าตลาดมีความเชื่อมั่น 100% ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดเบสิสในเดือนกันยายนและยังเชื่อมั่นเต็ม 100% ว่าจะมีการปรับลดลงอีก 25 จุดเบสิสภายในเดือนกันยายนนี้ แตกต่างจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมาซึ่งตลาดมีความเชื่อมั่นเพียง 60% ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในปี 2019
แน่นอนว่าสงครามทางการค้าที่ทรัมป์ก่อขึ้นนั้นย่อมเป็นการบังคับให้เฟดต้องทำอะไรสักอย่าง หากมีการดำเนินมาตรการทางภาษีในวันที่ 1 กันยายนนี้ เราน่าจะเห็นการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย อีกครั้งในเดือนกันยายนหรือตุลาคม แต่เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ หากตลาดปรับตัวลดลงมากจนเกินไป ทรัมป์อาจเปลี่ยนใจและระงับการใช้มาตรการภาษีเอาไว้ก่อนก็ได้ เราเชื่อว่าสถานการณ์ในตลาดยังไม่น่าที่จะพลิกกลับมาอยู่ในทางบวกได้ในสัปดาห์นี้ ดังนั้น ดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินที่มีความเสี่ยงอื่นๆ อาจยังเสี่ยงที่จะเกิดการปรับฐานที่ลึกลงไปกว่าเดิม รวมทั้ง USD/JPY ซึ่งปรับลดลงไปต่ำกว่า 106 แล้วอาจทะลุระดับ 105 ได้
มาตรการภาษีของทรัมป์ในครั้งนี้ยังจะส่งผลกระทบกับตัวเลขที่คาดการณ์ทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางออสเตรเลียด้วยเช่นกัน ปัจจุบัน AUD/USD มีการซื้อขายกันอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนก่อนที่จะมีการแถลง การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางออสเตรเลียออกมาให้ทราบในคืนวันนี้ จากการประชุมครั้งก่อน ธนาคารกลางออสเตรเลียได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สองของปีให้ลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1% โดย นายโลวี ผู้ว่าการธนาคารฯ กล่าวว่า "หากมีความจำเป็น คณะกรรมการฯ ก็พร้อมที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อให้สามารถเข้าใกล้จำนวนตัวเลขการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายให้ได้มากที่สุด" นักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้คาดหวังที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งติดต่อกันเนื่องจากเศรษฐกิจของออสเตรเลียเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นนับตั้งแต่การประชุมด้านนโยบายการเงินในครั้งที่แล้วเป็นต้นมา ยอดขายปลีก และ อัตราเงินเฟ้อ ปรับตัวสูงขึ้น ปริมาณการจ้างงานในเดือนมิถุนายนก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมทั้ง อุตสาหกรรมในภาคการผลิต ก็ดีขึ้น นอกจากนี้ข้อมูลเศรษฐกิจของจีนก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ดังนั้นหากพิจารณาผลงานทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียเพียงอย่างเดียว การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งก็ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด แต่มาตรการทางภาษีครั้งใหม่ที่จะนำมาใช้กับจีน รวมทั้งเงิน หยวน ที่อ่อนค่าลงจะเป็นตัวแปรสำคัญของออสเตรเลียและธนาคารกลางของประเทศว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไรต่อไป ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจดำเนินการเหมือนกับครั้งที่แล้วด้วยการรอจนกว่าจะมีการใช้มาตรการทางภาษีจริงๆ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ข้อมูลทางเศรษฐกิจของออสเตรเลีย