InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.32/33 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 33.01 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับสกุลเงินภูมิภาคและตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่าน มา (4 ต.ค.) ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ ประกอบกับอัตราการว่างงานของสหรัฐที่ปรับตัวลด ลง ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐฯ นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.00 - 33.50 บาท/ดอลลาร์ วันนี้รอติดตามตัวเลข เงินเฟ้อจากกระทรวงพาณิชย์ ส่วนในสัปดาห์นี้รอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.4200 บาท/ดอลลาร์ * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 148.71/73 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 146.31 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0974/0976 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1027 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 33.069 บาท/ดอลลาร์ - รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเสนอปรับกรอบเงินเฟ้อปีหน้าเพิ่มขึ้น 0.5% จากเดิมอยู่ ในกรอบ 1-3% เพิ่มเป็น 1.5-3.5% เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีช่องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้มากขึ้น แต่มีระยะห่าการ บริหารกรอบยังเท่าเดิมที่ 2% โดยเบื้องต้น รมว.คลัง จะนัดหารือถึงกรอบการบริหารเงินเฟ้อปี 68 กับธปท. ช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม. และประกาศใช้ในปี 68 ต่อไป - "อิ๊งค์" ถก 6 บ.ยักษ์ใหญ่ท่องเที่ยวของโลกกระตุ้นเศรษฐกิจไทย นายกสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยชง 'คนละครึ่งภาคแรง งาน' แนะ รบ.ทุ่ม 5 หมื่นล้านแจกเดือนละ 1 พันบาทต่อเนื่อง 3 งวด เชื่อเงินหมุน 2 แสนล้าน ช่วยปั๊ม ศก. - ภาคเอกชนหดหู่สิ้นหวัง 5 มาตรการหลัก 63 มาตรการย่อย แก้ปัญหาสินค้าราคาถูกไร้มาตรฐานทะลักเข้าไทยของ 28 หน่วยงานที่ส่อล้ม หลังได้รัฐบาลใหม่มากว่า 1 เดือน แต่ยังไม่ประชุมติดตามความคืบหน้า ขณะที่ศูนย์เฉพาะกิจป้องกันฯ ยังไม่ได้ตั้ง ปล่อย ไทยขาดดุลการค้าจีนต่อเนื่อง - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่ นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ที่ 140,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงเกินคาดสู่ระดับ 4.1% จาก 4.2% ในเดือนส.ค. - เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน นักลงทุนคาดการณ์ในขณะนี้ ว่า ไม่มีโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งลดลงจากราว 31% ในช่วงเช้าวันศุกร์ และ 53% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เฟดมีแนว โน้มมากขึ้นที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% และมีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง - นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐของแบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) เปิดเผยว่า BofA คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมแต่ละครั้งจนถึงเดือนมี.ค. 2568 และจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในแต่ละไตรมาสจนถึงสิ้นปี 2568 - ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนส.ค., สต็อก สินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), คณะกรรมการกำหนด นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานราย สัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน - นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) และธนาคารกลางอินเดีย (RBI)