InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 33.99/34.00 บาท/ดอลลาร์ จากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.97 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.95-34.08 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาควิ่งในกรอบ โดยระหว่างวันยังไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดรอติดตามดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการ บริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ที่จะออกมาในวันศุกร์นี้เป็นหลัก นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.85-34.05 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 144.20 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 144.36 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1139 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1174 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ 1,365.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.41 จุด (+0.10%) มูลค่าซื้อขาย 43,114.15 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,770.84 ล้านบาท - ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า ขึ้นเร็วในช่วงหลังนี้ มาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึง ปัจจัยพิเศษในประเทศของไทยจากราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้น ทั้งนี้ หากเทียบการแข็งค่าของเงินบาท ถือว่ายังเคลื่อนไหวในระดับที่ใกล้เคียง กับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น และหากเทียบค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปี 67 จนถึงปัจจุบันถือว่าเคลื่อนไหวทรง ตัว - พรรคเพื่อไทย ได้ส่งหนังสือเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ได้นัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) เวลา 17.00 น. - กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นเราฟื้นขึ้นมาแล้ว 2- 3 ครั้ง แต่ครั้งนี้มองว่าเป็นการฟื้นตัวกลับมาที่ได้ดี และเป็นการฟื้นตัวที่มั่นคง และมีความมั่นใจในการฟื้นตัวครั้งนี้ แตกต่างจากครั้งอื่น ๆ ที่ ผ่านมา เพราะปัจจัยในประเทศนิ่งแล้ว เหลือเพียงแต่ปัจจัยต่างประเทศที่ยังต้องติดตามต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่กระทบต่อ เศรษฐกิจโลก จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ซึ่งหากตัดปัจจัยภายนอกไป การฟื้นตัวกลับมาของตลาดหุ้น ไทยครั้งนี้ถือว่าเป็นการฟื้นที่มีความมั่นใจ - ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินมูลค่าการส่งออกไทยปี 67 จะกลับมาขยายตัวได้ 2.6% จากที่เคยหดตัวในปีก่อน และจะขยายตัวต่อเนื่องได้เล็กน้อยในปี 68 - รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า BOJ มีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หากเงินเฟ้อของญี่ปุ่น ยังคงอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ แม้ว่า BOJ จำเป็นต้องจับตาความผันผวนในตลาดการเงินที่เกิดขึ้นในขณะนี้อย่างใกล้ชิด - คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางลาว (BOL) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกีบจาก 10% เป็น 10.5% และ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในสกุลเงินต่างประเทศ จาก 10% เป็น 11% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจลาวในปัจจุบัน