1. การให้คำกล่าวของนายเจอโรม เพาเวลล์
ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ มีกำหนดการให้คำกล่าวเกี่ยวกับภาพรวมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กับคณะกรรมการร่วมทางเศรษฐกิจในวันนี้เวลา 11:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (16:00 GMT)
นายเพาเวลล์ให้สัมภาษณ์ในการแถลงข่าวหลังจากการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมว่า จุดยืนของนโยบายทางการเงินในขณะนี้นั้น "น่าจะยังคงเดิมต่อไป" ตราบใดที่ไม่มีปัจจัยใด ๆ ที่จะเปลี่ยนมุมมองภาพรวมทางเศรษฐกิจของเฟดได้
ก่อนหน้าการให้คำกล่าวของนายเพาเวลล์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ติเตียนเฟดอีกครั้งในระหว่างการให้คำกล่าวที่ Economic Club ประจำนิวยอร์ก โดยชี้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของเฟดได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในจุดที่เสียเปรียบ และทรัมป์ต้องการให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยจนถึงระดับที่ติดลบ
เครื่องมือติดตามอัตราดอกเบี้ยเฟด ของ Investing.com ชี้ว่าแทบไม่มีโอกาสเลยที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกเมื่อถึงการประชุมในเดือนธันวาคม ซึ่งขณะนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.5% ถึง 1.75% และแทบไม่มีโอกาสที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกเลยไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิ
2. ตัวเลขบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ
ก่อนหน้าที่จะมีการให้คำกล่าวของนายเพาเวลล์ ตลาดจะรอคอยการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (13:30 GMT)
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อโดยรวม จากดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคมจะดีดขึ้น 0.3% จากเมื่อเดือนกันยายนที่ 0.1% ขณะที่ ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาด้านอาหารและพลังงาน คาดว่าจะขยายตัวขึ้น 0.2% จากเดือนก่อน 0.1%
การเติบโตของดัชนี CPI เมื่อเทียบปีต่อปีคาดว่าจะคงตัวอยู่ที่ 1.7% และดัชนี CPI พื้นฐานคาดว่าจะสูงขึ้น 2.4%.
3. Cisco) เตรียมรายงานผลประกอบการ
Cisco Systems (NASDAQ:CSCO) จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่หนึ่งของบริษัทหลังเวลาตลาดปิดในวันนี้
Cisco คาดว่าไตรมาสที่หนึ่งน่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้และผลกำไรที่เชื่องช้าที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2017
อ้างอิงจากผลคาดการณ์อย่างเอกฉันท์ที่รวบรวมมาจาก Investing.com คาดว่า Cisco จะ ทำกำไร ได้ 81 เซนต์ต่อหุ้น และคาดว่าจะมีรายได้ 1.307 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จากปีก่อนที่บริษัทมีกำไร 76 เซนต์ต่อหุ้นและมีรายได้ 1.307 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อวานนี้ราคาหุ้นของ Cisco (NASDAQ:CSCO) ปรับขึ้น 0.6% และในปีนี้ราคาหุ้นได้ทะยานขึ้นมาแล้วกว่า 11.6% ทำผลงานได้ดีเป็นอันดับที่ 17 จากหุ้นในดัชนี Dow ทั้งหมด 30 ตัว