โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคมมีดังต่อไปนี้
1. ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงปรับตัวขึ้นหลังมีความหวังว่าสหรัฐจะสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก่อนการเลือกตั้ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ นายสตีเวน มนูชิน เผยว่าได้มีการเจรจากัน "อย่างเกิดผล" ร่วมกับโฆษกประจำสภาสหรัฐ แนนซี เปโลซี แม้จะมีรายงานว่าขณะนี้มีส่วนต่างของงบประมาณทั้งสองฝ่ายอยู่ "เพียง" 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยอ้างอิงจากรายงานของ The Wall Street Journal ระบุว่าทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยว่าควรมีการแจกจ่ายเงินรอบใหม่ให้กับครัวเรือนสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์เล็งเห็นว่าเป็นกุญแจสำคัญในการดำรงอัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ทั้งนี้แรงกดดันต่อรัฐบาลสหรัฐยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสายการบินต่าง ๆ ประกาศลดการจ้างงานครั้งใหญ่
2. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, ผลสำรวจจาก ISM
ในวันนี้จะมีการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจหลายประการ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1230 GMT) พร้อมทั้งรายรับส่วนบุคคลและรายจ่ายส่วนบุคคลประจำเดือนสิงหาคม ตามมาด้วยผลสำรวจภาคการผลิตจาก ISM ในเวลา 10:00 น.
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐในเดือนที่แล้วยังคงอยู่เหนือ 850,000 ราย และคาดว่าในสัปดาห์นี้จะยังคงเป็นเช่นนั้น ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องคาดว่าจะลดลง 350,000 รายเหลือ 12.25 ล้านราย โดยข้อมูลดังกล่าวตามมาหลังจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ออกมาแข็งแกร่ง
นอกจากนี้จะมีการให้คำกล่าวของประธานเฟดประจำฟิลาเดลเฟีย นายแพทริค ฮาร์เคอร์ ในเวลา 9:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก, ประธานเฟดประจำนิวยอร์ก นายจอห์น วิลเลียมส์ ในเวลา 9.00น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก และผู้ว่าการเฟด มิเชลล์ โบว์แมน ในเวลา 15:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนบวก, ผลประกอบการของ Pepsi ออกมาดีเกินคาด
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมมุ่งหน้าเข้าสู่ไตรมาสที่สี่ด้วยขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางความหวังต่อสัญญาณความเป็นไปได้ที่จะมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลสหรัฐเร็ว ๆ นี้
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายดัชนี Dow ล่วงหน้าขยับขึ้น 218 จุดหรือ 0.8% สัญญาซื้อขายดัชนี S&P ล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 0.9% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าดีดขึ้น 1.3%
หุ้นที่น่าจะได้รับการจับตาในวันนี้ได้แก่ Pepsico ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดถึง 12% ทว่าได้ออกมาเตือนว่าแรงกดดันจากสกุลเงินอาจส่งผลต่อผลกำไรรายปีของบริษัท
4. เฟดยืดเวลาการใช้ข้อจำกัดด้านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืนของธนาคาร
หุ้นกลุ่มธนาคารจะได้รับการจับตาเช่นกันในวันนี้ หลังจากเฟดได้ประกาศยืดเวลาการใช้ขีดจำกัดการจ่ายเงินปันผลและการระงับการซื้อหุ้นคืนไปจนถึงสิ้นปีนี้
เฟดเผยว่าทางธนาคารกลางฯ ต้องการให้ธนาคารต่าง ๆ รักษาความแข็งแกร่งของเงินทุน ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความกังวลของเฟดว่าการจัดสรรเงินสำหรับหนี้เสียเป็นมูลค่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สองของธนาคารอาจส่งผลกระทบระยะยาวกว่าที่คาดไว้ในวัฏจักรสินเชื่อ
ในทางตรงกันข้าม ธนาคาร JPMorgan ได้สร้างความคาดหวังให้แก่ตลาดว่าจะสามารถทำการซื้อหุ้นคืนได้ต่อในไตรมาสที่สี่
5. ดัชนี PMI ฝั่งยูโรโซนแตะระดับสูงสุดในรอบสองปี
อ้างอิงจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อจาก IHS Markit ระบุว่า โรงงานฝั่งยูโรโซนกระเตื้องขึ้นในเดือนกันยายน
ดัชนี PMI ภาคการผลิตฝั่งยูโรโซนสูงขึ้น 53.7 จากเดือนสิงหาคม 51.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบสองปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในราคาผู้ผลิตก็คลายตัวลงกว่าที่คาดไว้