การประท้วงต่อต้านผู้นำอิหร่านได้กระจายตัวไปยังทั่วทั้งประเทศเป็นวันที่สองเมื่อวานนี้ แสดงให้เห็นถึงความสั่นคลอนที่ปะทุขึ้นจากการปลิดชีพผู้นำกอง
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเป็นภาษาฟาร์ซีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเสริมว่า : “อย่าฆ่าผู้ประท้วงของคุณ" ในอีกทวีตหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ
ทว่าราคาน้ำมันดิบกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เมื่อเวลา 6:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (11:15 GMT) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐฯ คงตัวอยู่ที่ $59.04 ต่อบาร์เรล ลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนที่ $58.71 ต่อบาร์เรลเมื่อคืนนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ขยับลง 0.1% เท่ากับ $64.94 ต่อบาร์เรล
2. ตลาดหุ้นสหรัฐฯเตรียมซื้อขายในแดนบวก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เตรียมเปิดบวกในวันนี้ท่ามกลางปัจจัยความน่ากังวลทางเศรษฐกิจที่เริ่มทยอยคลี่คลายลง
เมื่อเวลา 6.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1100 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow ล่วงหน้า ขยับขึ้น 127 จุดหรือ 0.4% สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ปรับตัวขึ้น 0.4% และ สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ปรับขึ้นเล็กน้อย 0.5%
ปฏิทินการรายงานผลประกอบการในวันนี้ค่อนข้างเบาบาง โดยจะมีการรายงานผลประกอบการจาก JPMorgan (NYSE:JPM), Citigroup (NYSE:C) และ Wells Fargo (NYSE:WFC) ในวันพรุ่งนี้
3. กลุ่มสกุลเงินตลาดเกิดใหม่พากันขยับขึ้น, นำโดยค่าเงินหยวน
ค่าเงินหยวนพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบนานกว่าห้าเดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องด้วยภาพรวมทางเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้นก่อนการลงนามข้อตกลงทางการค้าขั้นแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีนในวันพุธนี้
ค่าเงินหยวน ปรับขึ้นสูงสุดถึง 6.8883 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สิ้นเดือนกรกฎาคมที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จุดชนวนสงครามทางการค้าอย่างฉับพลันด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหม่
ทางด้านรูเบิลรัสเซียก็ทำระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้ง รูเปียห์อินโดนิเซีย, ลิราตุรกี และ รูปีอินเดีย ที่ต่างก็แข็งค่าขึ้นระหว่าง 1.4% และ 2.0% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
4. GDP อังกฤษหดตัวลงในเดือนพฤศจิกายน, มีความเป็นไปได้สูงขึ้นว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ย
เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรหดตัวลงในเดือนพฤศจิกายนช่วงก่อนการเลือกตั้ง ยิ่งทำให้มีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่ธนาคารกลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยและจึงสร้างแรงกดดันที่ทำให้ ค่าเงินปอนด์ ปรับตัวลงต่ำกว่า $1.30 เป็นครั้งแรกในปีนี้
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ประจำเดือนพฤศจิกายนต่ำลง 0.3% ต่างจากที่คาดว่าจะเท่าเดิม ขณะที่ ผลผลิตภาคโรงงาน และ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ล้วนอ่อนแอลงทั้งสิ้น ข้อมูลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าเดือนธันวาคมจำเป็นต้องมีการเติบโตอย่างน้อย 0.1% ถึง 0.2% เพื่อยับยั้งไม่ให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่สี่ถดถอยลง
5. Ford ยอดขายในประเทศจีนต่ำลง, Porsche ยอดขายพุ่ง
Ford Motor (NYSE:F) รายงานยอดขายในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกต่ำลง และบริษัทยังเตือนอีกด้วยว่าภาพรวมในปี 2020 จะย่ำแย่กว่านี้ หลังจากเมื่อปีที่แล้วยอดขายของ Ford ในจีนทรุดตัวลงถึง 26% ต่ำกว่าครึ่งของยอดขายในจีนเมื่อปี 2016 ซึ่งเป็นปีที่มียอดขายสูงสุด