Investing.com - ทศวรรษที่ผ่านมานั้นเอื้ออำนวยให้แก่ผู้ถือหุ้นระยะยาวอย่างมาก และต่อไปนี้คือภาพรวม 10 อันดับเรื่องราวการลงทุนในรอบทศวรรษที่ผ่านมา (และเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ)
ปี 2010 – ปรากฎการณ์หุ้นถล่ม (Flash Crash)
ในปรากฎการณ์หุ้นถล่มปี 2010 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนพฤษภาคมและทำให้ดัชนี Dow ดิ่งลงฮวบถึง 998.5 จุดภายในไม่กี่นาที
ขณะที่ผู้ลงทุนกำลังเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันครั้งนี้ ตลาดหุ้นกลับพลิกฟื้นขึ้นมาด้วยตนเองและปิดลบเพียง 3% โดยการทรุดตัวครั้งนี้มีสาเหตุมาจากอัลกอริธึมและความถี่ในการซื้อขายสูง ทำให้ระบบมีปฏิกิริยาที่สะสมแรงจากแนวโน้มขาลงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ในเวลาต่อมาเมื่อมีการเผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐช่วงเดือนกันยายนก็พบว่า ต้นเหตุของปรากฎการณ์ครั้งนี้มาจากคำสั่งขายกองทุนรวมที่มีมูลค่า 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุการณ์ที่น่าสนใจในปีนี้ คือวิกฤตการณ์หนี้สินของฝั่งยุโรปที่ส่งผลกระทบต่อโปรตุเกส ไอร์แลนด์ อิตาลี กรีซ และสเปน รวมทั้งเหตุแท่นขุดเจาะน้ำมันของ BP (LON:BP) ระเบิดในอ่าวเม็กซิโก, การทำ IPO ของ Tesla (NASDAQ:TSLA) (NASDAQ:TSLA) และการประกาศใช้มาตรการ QE2 ของเฟด
ปี 2011 – การประท้วง Occupy Wall Street
ผู้ประท้วงต่างก็ตะโกนโห่ร้องว่า “พวกเราคือ 99%!” รอบวอลล์สตรีทในเดือนกันยายนด้วยความโกรธแค้น ผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำของรายได้ที่มากขึ้นเป็นประเด็นสำคัญที่จุดชนวนให้เกิดการเดินขบวน โดยกลุ่มผู้ประท้วง Occupy Wall Street ได้ปักหลักอยู่ใน Zuccotti Park ที่บริเวณแมนฮัตตันตอนใต้เป็นเวลาเกือบสองเดือนกว่าจะถูกบังคับให้สลายการชุมนุม
การประท้วงครั้งนี้นำโดยกลุ่มต่อต้านลัทธิบริโภคนิยม Adbusters
และในปีนี้ยังเกิดเหตุภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ, อาหรับสปริง และการเสียชีวิตของผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Apple (NASDAQ:AAPL) (NASDAQ:AAPL) นายสตีฟ จ็อบส์ด้วย
ปี 2012 - นายดรากีให้คำมั่นว่า ‘จะทำทุกวิถีทาง’
ที่ผ่านมาประเทศในฝั่งยูโรโซนประสบกับพิษทางเศรษฐกิจจากหนี้สิน แต่มีชายผู้หนึ่งที่พร้อมยื่นมือเข้ามากอบกู้สถานการณ์ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าสกุลเงินยูโรจะต้องทรุดตัวลงอย่างหนักแน่นอน
ในการให้คำกล่าว ณ กรุงลอนดอนในเดือนกรกฎาคม ประธานธนาคารกลางยุโรป นายมาริโอ ดรากี ได้ให้คำมั่นไว้ว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อกอบกู้ค่าเงินยูโร
“ธนาคารกลางยุโรปพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางภายในอาณัติของเราเพื่อช่วยเหลือค่าเงินยูโร" นายดรากีกล่าว "และโปรดเชื่อผมว่ามันมากพอที่จะช่วยได้"
แม้ว่าในปีนี้สหภาพยุโรปยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยที่ติดลบ แต่ค่าเงินยูโรยังคงมีความน่ากังวล
ข่าวใหญ่ข่าวอื่น ๆ ในปีนี้ได้แก่ การอนุมัติ Obamacare โดยศาลสูงสุดสหรัฐฯ , เรื่องอื้อฉาวของ Libor และการเปิดตัวสู่สาธารณะของ Facebook (NASDAQ:FB)
ปี 2013 – ตลาดทองคำทรุดตัว
หลังจากปรับตัวขึ้นมาเป็นเวลา 12 ปีติดต่อกัน การเทขายทองที่ผู้ลงทุนหลายท่านได้คาดการณ์ไว้ว่าจะต้องเกิดขึ้นสักวันก็เกิดขึ้นจริงในที่สุด ราคาทองคำ ทรุดตัวลงมากกว่า 25% จาก $1,660 ลงไปถึง $1,200
เศรษฐกิจโลกเริ่มพลิกฟื้นขึ้นมาอย่างมั่นคงมากขึ้น และตลาดเชื่อว่าธนาคารกลางจะเริ่มวัฏจักรนโยบายทางการเงินแบบตึงตัวซึ่งส่งผลเสียต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ราคาทองคำยังทรุดตัวลงอย่างหนักเป็นระยะเวลาสองวันเมื่อมีความหวาดหวั่นเกิดขึ้นจากการเทขายทองคำของไซปรัส
และในปีนี้ Twitter (NYSE:TWTR) ได้ดำเนินรอยตาม Facebook ด้วยการเปิดตัวสู่ตลาด, มีการเผยแพร่เอกสารจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ โดยนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน และ Bitcoin เริ่มได้รับความสนใจ
ปี 2014 – IPO ของ Alibaba
บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน Alibaba (NYSE:BABA) สร้างประวัติศาสตร์ในตลาดช่วงเดือนกันยายนด้วยการเสนอขายหุ้นครั้งแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อรวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกินและออปชัน Green shoe แล้วบริษัทระดมทุนได้เป็นมูลค่าสุทธิถึง 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในการเปิดตัวที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
บริษัทได้กำหนดราคาหุ้นไว้ที่ $68 ต่อหุ้นและภายหลังมีราคาปิดที่ $94 ทว่า IPO ของบริษัทกลับถูกทำลายสถิติในปีนี้ด้วยการเปิดตัวของบริษัทน้ำมันซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของซาอุดิอาระเบีย Saudi Aramco (SE:2222)
และในปีนี้ ราคาน้ำมัน ได้รับผลกระทบจากจุดเริ่มต้นของกระแสการใช้ระบบผลิตปิโตรเลียม "แฟรกกิง", รัสเซียปะทะยูเครน, และธนาคาร Bank of America (NYSE:BAC) ได้จ่ายเงินเป็นมูลค่าเกือบ 1.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพื่อยุติข้อกล่าวหาการฉ้อโกงซึ่งนำไปสู่วิกฤตสินเชื่อซับไพร์ม
ปี 2015 – ฟองสบู่แตกในตลาดหุ้นจีน
ตลาดหุ้นจีนก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วแล้วดิ่งลงด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกัน โดยต้นเหตุหลักมาจากการประเมินมูลค่าของบริษัทที่สูงกว่าผลการดำเนินงานของบริษัท เพราะตลาดหุ้นจีนซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยผู้ลงทุนภาคการค้าปลีกได้ดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นด้วยการกู้ยืมเงิน (และรัฐบาลจีนเองก็สนับสนุนให้ทำเช่นนั้นด้วย)
การลดมูลค่าสกุลเงินหยวนก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก จึงทำให้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องใช้มาตรการอย่างสุดโต่ง ได้แก่การจำคุกผู้ที่ส่งคำสั่งขายชอร์ต
ด้วยเหตุนี้ดัชนี Shanghai Composite จึงทรุดตัวลงจากเดือนพฤษภาคมที่ระดับ 4,600 สู่ระดับ 3,000 ในเดือนกันยายน
ส่วนข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจในปีนี้ได้แก่ การเริ่มต้นโครงการซื้อตราสารหนี้ของธนาคารกลางยุโรป, การควบรวมกิจการของ Kraft Heinz (NASDAQ:KHC) และสวิตเซอร์แลนด์ได้ประกาศยกเลิกการผูกค่าเงินฟรังก์กับเงินยูโร
ปี 2016 – ทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
แม้ว่าชัยชนะการเลือกตั้งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เอาชนะนางฮิลลารี คลินตัน ได้อย่างเหนือความคาดหมายจะไม่ได้ส่งผลต่อตลาดหุ้นโดยทันที แต่อิทธิพลของนายทรัมป์ได้ส่งผลต่อทั้งภาพรวมการลงทุนและก่อให้เกิดความผันผวนรายวันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทรัมป์ได้กระทำสิ่งที่เป็นไปตามความคาดหมายหลายประการ เช่น การปรับลดข้อกฎหมาย และได้กระทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายแต่ส่งผลดีต่อตลาด ได้แก่การกล่าวโจมตีเฟดอย่างเปิดเผยและรบเร้าให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งเหตุการณ์ที่ยังไม่จบสิ้นตราบจนทุกวันนี้ได้แก่สงครามทางการค้ากับจีนด้วย
เหตุการณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจในปีนี้ได้แก่ Brexit, การแฉ 'เอกสารลับปานามา' และการซื้อ Time Warner โดย AT&T (NYSE:T)
ปี 2017 – Bitcoin ทำสถิติระดับสูงสุด
ตลาดได้เริ่มให้ความสนใจกับสกุลเงินคริปโตมาตั้งแต่ก่อนปี 2017 แต่ขาขึ้นของสกุลเงินคริปโตที่พุ่งขึ้นเกินคาดได้ทำให้ตลาดทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับ Bitcoin มากขึ้นในฐานะตัวเลือกในการลงทุน
Bitcoin เริ่มต้นปีด้วยระดับราคาที่ต่ำกว่า $1,000 แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานราคาก็ได้พุ่งขึ้นจนทำระดับราคาสูงสุดเกือบ $20,000 ซึ่งเป็นขาขึ้นที่มากกว่า 2,100% โดย Bitcoin มีราคาปิดในปี 2017 ราว $14,500
และประเด็นอื่น ๆ ที่น่าจับตาได้แก่การปรับลดภาษีโดยปธน.ทรัมป์, การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นหลายครั้งของเฟด และการปรากฎตัวของรูปปั้น Fearless Girl ที่ประจันหน้ากับรูปปั้นกระทิงที่วอลล์สตรีท
2018 – ไตรมาสที่สี่ที่ย่ำแย่
มีผู้ลงทุนเพียงไม่กี่คนที่รู้เท่าทันก่อนเกิดขาลงครั้งใหญ่ของตลาดหุ้นในไตรมาสที่สี่ของปี 2018 ที่ซึ่งดัชนี Dow ติดลบ 11.8%, ดัชนี S&P 500 ร่วงลงเกือบ 14% และ Nasdaq ทรุดตัวลง 17.5%
และเมื่อรวมกับการติดลบ 653 จุดของดัชนี Dow ในคืนก่อนวันคริสต์มาสเพียงวันเดียว ก็ได้ทำให้ไตรมาสนี้เป็นไตรมาสที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์เมื่อปี 2008
สาเหตุของปรากฎการณ์ดังกล่าวมีหลายประการ
- กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีได้รับแรงกดดัน โดยเฉพาะขาลงของ Apple ถึง 30% หลังจากมูลค่าตามราคาตลาดของบริษัทพุ่งขึ้นสูงกว่า 1 ล้านล้านเหรียญเมื่อช่วงฤดูร้อน ซึ่งมีต้นเหตุมาจากยอดขาย iPhone รุ่นเรือธงที่ต่ำลง
- อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศมีความอ่อนแอ
- ปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และประเด็น Brexit ที่ส่งผลกระทบต่อสหราชอาณาจักรและยุโรป
- ตลาดมีปริมาณการซื้อที่มากเกินไป
และเนื่องด้วยการเทขายช่วงคืนวันคริสต์มาสจึงทำให้ตลาดหุ้นทรุดตัวลงเร็วเกินไปและมากเกินไป ทว่าตลาดกลับพลิกฟื้นขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ในวันที่ 26 ธันวาคมโดยดัชนี Dow กระโดดกลับขึ้นมาถึง 1,086 จุด
ทางด้านเหตุการณ์อื่น ๆ ในปีนี้ได้แก่ การทรุดตัวลงอย่างหนักของสกุลเงินคริปโต, การยกเลิกข้อตกลง NAFTA และการสิ้นสุดของกฎหมาย Fiduciary Rule สำหรับที่ปรึกษาทางการเงิน
2019 – หุ้นบริษัทผู้ผลิตกัญชาทรุดตัวลงอย่างหนัก
กระแสในแง่ดีของตลาดกัญชากลับพลิกผันเมื่อเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงและกฎหมายควบคุมกิจการผู้ผลิตกัญชาในปี 2019
แคนาดาเป็นประเทศในกลุ่ม G7 ประเทศแรกที่อนุมัติให้กัญชาถูกกฎหมายเมื่อสิ้นปี 2018 ทำให้บริษัทผู้ผลิตกัญชาสัญชาติแคนาดามีความกระตือรือร้นอย่างมากที่จะตีตลาดใหม่ทั่วโลก ทว่ากระแสที่ดีในตอนต้นกลับแผ่วปลายด้วยอุปสรรคเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิต, การจัดหาหุ้นส่วนต่างประเทศ และกลยุทธ์การขยายธุรกิจทั่วโลก ท่ามกลางความคลุมเครือของกฎหมายควบคุมดูแลเกี่ยวกับกัญชาของประเทศอื่น ๆ ทำให้หุ้นบริษัทผู้ผลิตกัญชาพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดในช่วงแรกแล้วค่อย ๆ ปรับตัวลงมาเรื่อย ๆ และสะสมแรงกดดันขาลงมากขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่าง 40% ถึง 80%
และในปีนี้ ปธน.ทรัมป์ถูกยื่นถอดถอน, สหรัฐฯ ยังคงมีอัตราการว่างงานที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์, การประท้วงฮ่องกงที่ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง, การเปิดตัวเข้าสู่ตลาดของ Uber (NYSE:UBER) และความล้มเหลวของบริษัท WeWork