InfoQuest - นายคริส เวสตัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทเปปเปอร์สโตน กรุ๊ป กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะเกิดปรากฏการณ์ Sell on Fact ทันทีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF
นอกจากนี้ นายเวสตันระบุว่า ปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่า บิตคอยน์จะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 51,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะปรับตัวลงจากการที่นักลงทุนเข้าทำกำไร
ทั้งนี้ บิตคอยน์ปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากพุ่งทะลุ 47,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2565 โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า SEC อาจให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ภายในสัปดาห์นี้
ขณะนี้ บิตคอยน์ได้ทะยานขึ้น 173% ในรอบ 12 เดือน และพุ่งขึ้น 10% นับตั้งแต่ต้นปี 2567 สวนทางการปรับตัวลงของตลาดหุ้นและทอง
ข้อมูลจาก Coinswitch ระบุว่า การทะยานขึ้นของบิตคอยน์ได้ผลักดันให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีมูลค่ามากกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ บริษัทหลายแห่งได้พากันปรับลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF เพื่อแย่งส่วนแบ่งในตลาด แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติต่อการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ก็ตาม
การประกาศปรับลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF ของบริษัทต่างๆ เป็นสัญญาณบ่งชี้ความเชื่อมั่นว่า SEC จะให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ในไม่ช้า
บริษัทจำนวน 13 แห่งได้ยื่นแบบฟอร์ม S-1 แสดงความจำนงในการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF ต่อ SEC แล้ว ซึ่งได้แก่
Grayscale Bitcoin Trust, Ark/21Shares Bitcoin Trust, Bitwise Bitcoin ETF Trust, BlackRock Bitcoin ETF Trust, VanEck Bitcoin Trust, WisdomTree Bitcoin Trust, Valkyrie Bitcoin Fund, Invesco Galaxy Bitcoin ETF, Fidelity Wise Origin Bitcoin Trust, Global X Bitcoin Trust, Hashdex Bitcoin ETF, Franklin Templeton Digital Holdings Trust และ Pando Asset Spot Bitcoin Trust
ทั้งนี้ ARK 21Shares Bitcoin ETF ปรับลดค่าธรรมเนียมสู่ระดับ 0.25% จากเดิมที่ระดับ 0.80% ขณะที่ BlackRock กำหนดค่าธรรมเนียมที่ 0.30% และ VanEck มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 0.25% โดยมี Grayscale กำหนดค่าธรรมเนียบสูงสุดที่ 1.5%
หาก SEC ให้การอนุมัติการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF จะทำให้นักลงทุนที่ซื้อกองทุนดังกล่าวสามารถเข้าลงทุนในบิตคอยน์ได้โดยไม่ต้องถือครองโดยตรง และจะสร้างความสนใจต่อนักลงทุนสถาบัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้หลีกเลี่ยงการลงทุนในบิตคอยน์ เนื่องจากกังวลว่าบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่ขาดการควบคุมด้านกฎระเบียบจากหน่วยงานกำกับดูแล
บริษัทต่างๆ ซึ่งมีความสนใจในการจัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF มีกำหนดเส้นตายในการทบทวนแบบฟอร์ม S-1 เพื่อยื่นแสดงความจำนงต่อ SEC ภายในวันที่ 8 ม.ค. ขณะที่ SEC มีกำหนดเส้นตายในวันพรุ่งนี้ (10 ม.ค.) ในการประกาศผลการพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติต่อแบบฟอร์มของบริษัทต่างๆ ที่ได้ยื่นแสดงความจำนงต่อ SEC
นอกจากนี้ SEC มีกำหนดให้การอนุมัติหรือไม่อนุมัติต่อแบบฟอร์ม 19b-4 ของแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ต้องการจดทะเบียนซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF ภายในไม่กี่วันข้างหน้า
ทั้งนี้ SEC จะต้องให้การอนุมัติแบบฟอร์ม S-1 และ 19b-4 ก่อนที่จะเริ่มเปิดการซื้อขายกองทุน Spot Bitcoin ETF ในตลาด
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของ SEC ได้จัดการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่จากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก, ตลาด Nasdaq และ ตลาด Chicago Board Options Exchange เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ซึ่งทั้ง 3 ตลาดเป็นตลาดที่มีการซื้อขายกองทุน ETF
การประชุมดังกล่าวทำให้มีการคาดการณ์กันอย่างแพร่หลายว่า SEC จะให้การอนุมัติการจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ในไม่ช้า
นักวิเคราะห์มีความมั่นใจว่า SEC จะให้การอนุมัติจัดตั้ง Spot Bitcoin ETF ไม่เกินวันที่ 10 ม.ค.2567 ซึ่งจะเป็นการอนุมัติครั้งแรกในสหรัฐ
ทั้งนี้ บิตคอยน์พุ่งขึ้นมากกว่า 150% ในปีที่แล้ว โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเพียง 24%
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าบิตคอยน์ยังคงมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นต่อไป โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ รวมทั้งปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.2567
ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่า บิตคอยน์จะพุ่งแตะ 120,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2567