เมื่อวันพุธ Citi ได้อัปเดตจุดยืนเกี่ยวกับหุ้น Harley-Davidson โดยเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 39 ดอลลาร์จาก 37 ดอลลาร์ ในขณะที่ยังคงถือหุ้นไว้สําหรับหุ้นของบริษัท การปรับเปลี่ยนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาของผลการดําเนินงานที่ผันผวนสําหรับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ โดยความกระตือรือร้นในช่วงแรกเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่หลีกทางไปสู่การตกต่ําหลังจากไตรมาสแรกที่ขาดความสดใสและยอดขายที่ชะลอตัวในไตรมาสที่สอง
แม้จะตกต่ํา แต่หุ้นของ Harley-Davidson เพิ่งแสดงสัญญาณของการฟื้นตัว การฟื้นตัวนี้เชื่อมโยงกับแนวโน้มที่ระมัดระวังแต่เป็นบวกที่เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทปรับคําแนะนําลดลงในไตรมาสที่สอง บริษัทยังรายงานยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือนกรกฎาคม ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก แม้ว่าผลการดําเนินงานที่อ่อนแอลงในเดือนสิงหาคมจะทําให้เกิดข้อสงสัยว่าการเพิ่มขึ้นนี้จะคงอยู่ได้หรือไม่
นักวิเคราะห์ของ Citi ชี้ให้เห็นว่าในขณะที่ตลาดดูเหมือนจะประเมิน Harley-Davidson ใหม่ด้วยเลนส์ในแง่ดีมากขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากแนวโน้มของตลาดในวงกว้างและนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความสามารถของ Harley-Davidson ในการจําลองนวัตกรรมที่สําคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2024 ในปีถัดไป เนื่องจากแนวโน้มการค้าปลีกในปีนี้ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง
ราคาเป้าหมายที่แก้ไขสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่าบางคนเต็มใจที่จะพิจารณาหุ้นใหม่ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ผลการดําเนินงานของ Harley-Davidson ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีความสําคัญอย่างยิ่งในการพิจารณาว่าหุ้นสามารถรักษาโมเมนตัมไว้ได้หรือไม่ หรือหากกําไรล่าสุดเป็นเพียงชั่วคราว
ในข่าวล่าสุดอื่น ๆ Harley-Davidson ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลในไตรมาสที่ 3 ที่ 0.1725 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่สะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินของบริษัทและความมุ่งมั่นต่อผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ยังรายงานผลกําไรในไตรมาสที่ 2 ที่เกินความคาดหมายของ Wall Street ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งของรถจักรยานยนต์ Touring ระดับไฮเอนด์ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้แก้ไขแนวโน้มรายได้ในปี 2024 ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อาจตกต่ําและแผนการลดการผลิตที่สําคัญมากขึ้นในปลายปีนี้
เพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาเหล่านี้ UBS และ Baird ได้ปรับเป้าหมายราคาสําหรับ Harley-Davidson การปรับเปลี่ยนเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดริเริ่มล่าสุดของบริษัท รวมถึงแผนการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์และการเปลี่ยนการผลิตไปยังไทย Harley-Davidson ยังเตรียมรับเงินช่วยเหลือ 89 ล้านดอลลาร์จากฝ่ายบริหารของไบเดนเพื่อขยายโรงงานในเพนซิลเวเนียสําหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่มที่ใหญ่กว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สําหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
เหตุการณ์ล่าสุดเหล่านี้เน้นย้ําถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของ Harley-Davidson ในการเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน มูลค่าผู้ถือหุ้น และตําแหน่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
ข้อมูลเชิงลึกของ InvestingPro
ข้อมูลล่าสุดจาก InvestingPro เน้นย้ําถึงลักษณะที่เปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางการเงินของ Harley-Davidson มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทอยู่ที่ 5.11 พันล้านดอลลาร์ โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกําไร (P/E) ที่น่าสนใจที่ 7.85 ซึ่งบ่งชี้ว่าหุ้นอาจมีมูลค่าต่ําเกินไปเมื่อเทียบกับกําไร
สิ่งนี้ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากอัตราส่วน P/E ที่ปรับปรุงแล้วในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมา ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2024 ซึ่งต่ํากว่าเล็กน้อยที่ 7.53 ซึ่งบ่งชี้ถึงการประเมินมูลค่าที่สม่ําเสมอเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ Harley-Davidson ยังแสดงให้เห็นถึงอัตรากําไรขั้นต้นที่มั่นคงที่ 28.74% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการรักษาความสามารถในการทํากําไรแม้จะมีความท้าทายในตลาด
เคล็ดลับ InvestingPro เน้นย้ําถึงการดําเนินการเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหาร เช่น การซื้อหุ้นคืนเชิงรุก และประวัติการขึ้นเงินปันผลในช่วงสามปีที่ผ่านมาติดต่อกัน ซึ่งสามารถดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทได้จ่ายเงินปันผลเป็นเวลา 32 ปีติดต่อกันที่น่าประทับใจ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้ปรับความคาดหวังผลประกอบการสําหรับช่วงเวลาที่จะมาถึง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนที่ระมัดระวังเกี่ยวกับแนวโน้มในระยะสั้นของบริษัท อย่างไรก็ตาม หุ้นของบริษัทได้รับผลตอบแทนอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคารวม 1 สัปดาห์อยู่ที่ 11.23% ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น
สําหรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพทางการเงินและแนวโน้มในอนาคตของ Harley-Davidson มีเคล็ดลับ InvestingPro เพิ่มเติมมากมายที่ https://th.investing.com/pro/HOG ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนมีความเข้าใจที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับการวางตําแหน่งเชิงกลยุทธ์และศักยภาพทางการตลาดของบริษัท
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน