Gevo ได้รับสิทธิบัตรสําหรับกระบวนการเอทานอลเป็นโอเลฟินส์

แองเกิลวูด โคโลราโด - Gevo, Inc. (แนสแด็ก: GEVO) ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์หมุนเวียนและเชื้อเพลิงชีวภาพขั้นสูง ได้รับสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกาสําหรับกระบวนการเอทานอลเป็นโอเลฟินส์ (ETO) ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการผลิตสารเคมีและเชื้อเพลิงชีวภาพ สํานักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐฯ ได้มอบสิทธิบัตรสหรัฐฯ หมายเลข 12,043,587 B2 ให้กับ Gevo ซึ่งครอบคลุมกระบวนการแปลงเอทานอลเป็นโอเลฟินส์โดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาที่เป็นกรรมสิทธิ์

กระบวนการ ETO มุ่งเน้นไปที่การสร้างโอเลฟินส์ที่มีอะตอมคาร์บอนสามหรือสี่อะตอม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสําคัญสําหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ เช่น เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) น้ํามันเบนซิน และพลาสติก ซึ่งแตกต่างจากวิธีการที่มีอยู่ที่ผลิตโอเลฟินสองคาร์บอนเอทิลีนจากเอทานอลและต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมในการสร้างโอเลฟินส์ขนาดใหญ่กระบวนการที่จดสิทธิบัตรของ Gevo สามารถผลิตโอเลฟินส์คาร์บอนที่สูงขึ้นเหล่านี้ได้ในขั้นตอนเดียวช่วยเพิ่มการคัดเลือกและการควบคุม

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้คาดว่าจะลดจํานวนการดําเนินงานของหน่วยที่เกี่ยวข้องซึ่งจะช่วยลดความยุ่งยากในการออกแบบกระบวนการและอาจลดทั้งความต้องการด้านพลังงานและค่าใช้จ่ายด้านทุน Dr. Pat Gruber ซีอีโอของ Gevo เน้นย้ําถึงความสําคัญของการพัฒนากระบวนการที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ําเพื่ออํานวยความสะดวกในการเปลี่ยนจากทรัพยากรฟอสซิลไปสู่ทรัพยากรหมุนเวียนสําหรับเชื้อเพลิงและสารเคมี

เทคโนโลยี ETO ได้รับความสนใจจากผู้เล่นในอุตสาหกรรมรายใหญ่แล้ว ดังที่เห็นได้จากข้อตกลงการพัฒนาร่วมกับ LG Chem Ltd. เพื่อขยายกระบวนการผลิตสารเคมี ภารกิจที่กว้างขึ้นของ Gevo รวมถึงการผลิตเชื้อเพลิงและสารเคมีที่ยั่งยืนที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์หรือดีกว่า และดําเนินการโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติหมุนเวียนจากผลิตภัณฑ์นมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

การมุ่งเน้นของบริษัทในด้านความยั่งยืนขยายไปถึงการติดตามและตรวจสอบการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของระบบธุรกิจผ่านบริษัทในเครือ Verity แม้ว่าข่าวประชาสัมพันธ์จะรวมถึงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับการค้าและประโยชน์ของเทคโนโลยี ETO แต่สิ่งเหล่านี้อาจมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน และ Gevo ไม่มีภาระผูกพันใด ๆ ในการปรับปรุงข้อความเหล่านี้

การประกาศนี้อิงจากแถลงการณ์ข่าวประชาสัมพันธ์และไม่ได้หมายความถึงการรับรองคํากล่าวอ้างของ Gevo สิทธิบัตรนี้แสดงถึงก้าวไปข้างหน้าในด้านเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตทางชีวเคมี โดยมีผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ในข่าวล่าสุดอื่น ๆ Gevo, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์หมุนเวียนและเชื้อเพลิงชีวภาพขั้นสูงได้เข้าซื้อกิจการโรงงานผลิตเอทานอลและทรัพย์สินดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) ของ Red Trail กลุ่มสินค้าพลังงานในราคาเงินสด 210 ล้านดอลลาร์ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มโปรไฟล์ความยั่งยืนของ Gevo และขยายขีดความสามารถในการผลิต โรงงานที่ได้มาซึ่งตั้งอยู่ในนอร์ทดาโคตามีศักยภาพในการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 1 ล้านเมตริกตันต่อปี

นอกจากนี้ Gevo ยังได้รับระยะเวลาการปฏิบัติตามข้อกําหนดเพิ่มเติม 180 วันจาก Nasdaq เพื่อให้เป็นไปตามข้อกําหนดราคาเสนอซื้อขั้นต่ําของตลาดหลักทรัพย์ บริษัทยังได้ทําข้อตกลงกับ Shell Global Solutions Deutschland GmbH เพื่อจัดหาเชื้อเพลิงผสมที่ยั่งยืนสําหรับการใช้งานมอเตอร์สปอร์ต

HC Wainwright ยังคงให้คะแนนซื้อสําหรับ Gevo, Inc. หลังจากการพัฒนาล่าสุดเหล่านี้ Dr. Patrick Gruber ซีอีโอของ Gevo และประธานและ COO Christopher Ryan ได้แก้ไขข้อตกลงการจ้างงานด้วยฐานเงินเดือน 650,000 ดอลลาร์และ 431,600 ดอลลาร์ตามลําดับ รายการข่าวล่าสุดเหล่านี้เน้นย้ําถึงความมุ่งมั่นของ Gevo ต่อโครงการเชิงกลยุทธ์และผู้บริหารแนสแด็ก>

ข้อมูลเชิงลึกของ InvestingPro

ในขณะที่ Gevo, Inc. (NASDAQ: GEVO) ยังคงก้าวหน้าในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์หมุนเวียนและเชื้อเพลิงชีวภาพขั้นสูงด้วยกระบวนการเอทานอลเป็นโอเลฟินส์ (ETO) ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร ตัวชี้วัดทางการเงินและผลการดําเนินงานทางการตลาดของบริษัทจึงให้บริบทเพิ่มเติมสําหรับนักลงทุน มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทอยู่ที่ 272.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการประเมินมูลค่าของตลาดเกี่ยวกับศักยภาพของ Gevo ในเศรษฐกิจชีวภาพที่กําลังเติบโต

ข้อมูลของ InvestingPro เผยให้เห็นว่า Gevo มีการเติบโตของรายได้ที่ยอดเยี่ยม โดยเพิ่มขึ้น 98.34% ในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมา ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2024 การเติบโตนี้บ่งชี้ถึงการดําเนินงานที่ขยายตัวของบริษัท และอาจเป็นสัญญาณเชิงบวกสําหรับนักลงทุนที่กําลังมองหาบริษัทที่มีวิถีการขายที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสําคัญคือต้องทราบว่าอัตรากําไรขั้นต้นของบริษัทในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ -105.98% ซึ่งบ่งชี้ว่าแม้จะมียอดขายเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนขายก็เกินรายได้ ซึ่งเป็นความกังวลต่อความสามารถในการทํากําไร

เคล็ดลับ InvestingPro เน้นย้ําว่า Gevo ถือเงินสดมากกว่าหนี้ในงบดุล ซึ่งเป็นสัญญาณที่สร้างความมั่นใจให้กับเสถียรภาพทางการเงิน นี่เป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่งสําหรับบริษัทอย่าง Gevo ที่อยู่ในช่วงการเติบโตของวัฏจักรธุรกิจ ซึ่งสภาพคล่องมีความสําคัญต่อการลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีและการดําเนินงาน ในทางกลับกัน เคล็ดลับ InvestingPro อีกฉบับชี้ให้เห็นว่านักวิเคราะห์ไม่คาดการณ์ว่าบริษัทจะทํากําไรได้ในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับอัตรากําไรขั้นต้นติดลบที่สังเกตได้

สําหรับนักลงทุนที่สนใจเจาะลึกถึงสถานะทางการเงินและผลการดําเนินงานของตลาดของ Gevo มีเคล็ดลับ InvestingPro เพิ่มเติมที่ https://th.investing.com/pro/GEVO เคล็ดลับเหล่านี้สามารถให้คําแนะนําเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการเผาผลาญเงินสดของบริษัท ความผันผวนของราคาหุ้น และทวีคูณการประเมินมูลค่า รวมถึงตัวชี้วัดหลักอื่นๆ

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน