เมื่อวันอังคาร Lake Street Capital ตลาดทุนได้ปรับเป้าหมายราคาหุ้นสําหรับ Alphatec Holdings (แนสแด็ก:ATEC) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยลดราคาซื้อลงเหลือ 18.00 ดอลลาร์จากเดิม 32.00 ดอลลาร์ ในขณะที่ยังคงอันดับซื้อสําหรับหุ้น นักวิเคราะห์ของบริษัทอ้างถึงความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสถานะเงินสดของบริษัทว่าเป็นปัจจัยสําคัญที่มีอิทธิพลต่อกิจกรรมการซื้อขาย โดยตั้งข้อสังเกตว่าความกังวลเหล่านี้แพร่หลายมาประมาณสามปีครึ่ง
นักวิเคราะห์ยังคงมองในแง่บวกเกี่ยวกับโอกาสของ Alphatec โดยเน้นย้ําถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการเป็นหน่วยงานชั้นนําในอุตสาหกรรมกระดูกสันหลัง แม้จะมีการซื้อขายระดับต่ําสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยราคาหุ้นใกล้จะต่ําสุดในรอบสี่ปี แต่บริษัทสนับสนุนให้นักลงทุนซื้อหุ้น โดยเชื่อว่า Alphatec ไม่มีความเสี่ยงที่จะหมดเงินสดหรือต้องการเงินทุนเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้
Alphatec คาดว่าจะเข้าร่วมการประชุมนักลงทุนในนิวยอร์กซิตี้และบอสตันในสัปดาห์นี้ บริษัทคาดการณ์การใช้เงินสดเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สาม โดยประมาณว่าจะอยู่ระหว่าง 25 ล้านถึง 30 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก 25 ล้านดอลลาร์ การเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการเพิ่มขึ้นของระยะเวลาในการจัดเก็บหนี้ (DSO) และความไร้ประสิทธิภาพของสินค้าคงคลัง ซึ่งเชื่อว่าเป็นความพ่ายแพ้ชั่วคราว
บริษัทสรุปไตรมาสที่สองด้วยเงินสด 100 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะดึงสภาพคล่องที่เหลืออยู่ 15 ล้านถึง 20 ล้านดอลลาร์จากวงเงินสินเชื่อกับ MidCap Financial ในช่วงปลายไตรมาสที่สามหรือหลังจากนั้นไม่นาน Alphatec ยังคาดการณ์ว่าจะสร้างเงินสดได้ที่ 5 ล้านดอลลาร์ถึง 10 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สี่ ซึ่งคาดว่าจะเติมเงินสดสํารองเป็นประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้เงินทุนเพียงพอสําหรับการดําเนินงานในปี 2025
ผลการดําเนินงานของ Alphatec โดดเด่นด้วยการเติบโตของรายได้ทั่วไปที่แข็งแกร่งและการขยายตัวของอัตรากําไรที่สม่ําเสมอตั้งแต่ปี 2019 บริษัทตั้งเป้าที่จะบรรลุจุดคุ้มทุนกระแสเงินสดอิสระในปี 2025 และได้กําหนดเป้าหมายระยะยาวสําหรับปี 2027 รวมถึงรายได้ 1.0 พันล้านดอลลาร์ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว 180.0 ล้านดอลลาร์ อัตรากําไร EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว 18% และกระแสเงินสดอิสระ 65.0 ล้านดอลลาร์
การลดราคาเป้าหมายเป็น 18 ดอลลาร์สะท้อนให้เห็นถึงทวีคูณ EBITDA ตามรายได้ของ Alphatec และการคาดการณ์ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วสําหรับปี 2027 นักวิเคราะห์คาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะเปลี่ยนจากความกลัวเป็นการมองโลกในแง่ดีในไตรมาสต่อๆ ไป เนื่องจากทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่งของบริษัทยังคงดําเนินกลยุทธ์ต่อไป
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน