โดย Ambar Warrick
Investing.com – ราคาน้ำมันอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนในวันจันทร์หลังจากร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยความเชื่อมั่นยังคงถูกจำกัดด้วยความกังวลว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวจะทำให้อุปสงค์น้ำมันดิบลดลง
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 85.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 78.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในเวลา 21:30 น. ET (01:30 GMT) สัญญาทั้งสองซื้อขายเหนือระดับที่อ่อนแอที่สุดในรอบแปดเดือนและขาดทุนอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาปรับลดลงในช่วงต้นของวันจันทร์หลังจากข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจของญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมการผลิต ในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกขยายตัวช้าลงในเดือนกันยายนเมื่อเทียบจากเดือนก่อน
การอ่านค่าของญี่ปุ่นได้เผยแพร่หลังจากที่มีรายงานข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่น่าหดหู่จาก ยูโรโซน และ สหราชอาณาจักร เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเพิ่มความกลัวต่อภาวะถดถอยทั่วโลก
ราคาน้ำมันดิ่งลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากการอ่านค่าเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยยังมีสัญญาณจาก ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นในปีนี้
เทรดเดอร์กลัวว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงเมื่อผสมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันลดลง และราคาน้ำมันดิบดิ่งลงจากระดับสูงสุดจากช่วงที่สงครามรัสเซีย ยูเครนเริ่มต้นขึ้น
ความแข็งแกร่งของค่าเงิน ดอลลาร์ ซึ่งซื้อขายที่ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ก็ส่งผลต่อราคาน้ำมันเช่นกัน ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้การนำเข้าน้ำมันดิบมีราคาแพงขึ้นโดยพิจารณาจากความต้องการ จากผู้นำเข้ารายใหญ่ของเอเชีย อย่างอินเดียและอินโดนีเซียที่ต้องเผชิญกับความผันผวนจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวในจีนที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความต้องการในปีนี้
แม้ว่าองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้กล่าวว่าจะลดการผลิตนั้นก็แทบไม่ส่งผลอะไรต่อราคาที่ร่วงลงของน้ำมันดิบได้ ข่าวการยกระดับที่อาจเกิดขึ้นในความขัดแย้งรัสเซีย ยูเครน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะขัดขวางอุปทานน้ำมันดิบโลก ก็ทำให้เกิดขาขึ้นเล็กน้อยในช่วงสั้น ๆ
แต่เทรดเดอร์ยังคงคาดว่าอุปสงค์น้ำมันดิบจะดีขึ้นในไตรมาสที่สี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีฤดูหนาวที่รุนแรงในยุโรป ซึ่งอาจผลักดันความต้องการ น้ำมันทำความร้อน ให้สูงขึ้น
ความต้องการน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ คาดว่าจะดีขึ้นเช่นกันเนื่องจากราคาน้ำมันผ่อนคลายลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในประเทศ