โดย Zhang Mengying
Investing.com – ราคาน้ำมันร่วงลงเช้าวันจันทร์ในตลาดเอเชียเนื่องจากอุปทานตึงตัวและความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความต้องการเชื้อเพลิง โดยน้ำมันได้ร่วงลง 6% ในช่วงซื้อขายก่อนหน้า
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 0.24% เป็น 112.85 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 00:11 น. ET (4:11 น. GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ขยับลง 0.19% เป็น 107.78 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ของ ANZ ระบุในหมายเหตุว่า “ในขณะนี้ อุปทานน้ำมันที่หยุดชะงักกำลังหนุนความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอลง”
“โดยที่น้ำมันที่เป็นปัจจับพื้นฐานยังคงตึงตัวอยู่ท่ามกลางการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของผลผลิตจากรัสเซีย”
อุปทานที่ตึงตัวยังคงเป็นประเด็นที่น่าวิตก เนื่องจากชาติตะวันตกได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย แต่ผลกระทบได้รับการบรรเทาลงโดยการเคลื่อนไหวที่นำโดยสหรัฐฯ ในการปล่อยน้ำมันสำรองปิโตรเลียมเชิงกลยุทธ์และการเพิ่มการผลิตจากองค์กรของประเทศและพันธมิตรผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC+)
“หากวอชิงตันยังคงเดินหน้าตามระดับปัจจุบัน ปริมาณสำรองเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ จะแตะระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปีที่ 358 ล้านบาร์เรลภายในเดือนตุลาคม” นักวิเคราะห์ของ ANZ ระบุในหมายเหตุ
การผลิตน้ำมันในลิเบียยังคงผันผวนจากการปิดล้อมของกลุ่มประเทศทางตะวันออกของประเทศ โมฮัมเม็ด อวน รัฐมนตรีน้ำมันของลิเบียกล่าวกับรอยเตอร์สเมื่อวันจันทร์ว่าการผลิตทั้งหมดของประเทศอยู่ที่ประมาณ 700,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผลผลิตน้ำมันของลิเบียอยู่ที่ 100,000-150,000 บาร์เรลต่อวัน
การส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันจากจีนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่ตึงตัวอยู่แล้วให้แย่ลงไปอีก
ข้อมูลศุลกากรจีนได้แสดงให้เห็นเมื่อวันเสาร์ว่าการส่งออกน้ำมันเบนซินของประเทศลดลง 45.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี และการส่งออกดีเซลลดลง 92.7% แม้ว่าอุปสงค์ในประเทศจะชะลอตัว