ในการสัมภาษณ์ล่าสุดของฃ Hugh Johnson หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงินและรองประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ของ PepsiCo กับผู้ประกาศข่าว Squawk Box ของ CNBC กล่าวว่าเขาแทบจะนึกภาพไม่ออกว่าบริษัทของเขาจะซื้อ Bitcoin ด้วยเงินสดสำรองในตอนนี้ไปทำไม โดย Hugh Johnson บอกกับ Joe Kernen ว่าแม้ว่าประสบการณ์จะสอนเขาให้เป็นไปตามคำพูดที่ว่า “never say never (อย่าพูดว่าไม่เคย)” ก็ตามนั่นทำให้เขายังนึกภาพไม่ออกว่า PepsiCo จะลงทุนใน Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำของโลก ทั้งนี้ Johnson กล่าวว่าสำหรับเขาแล้วบิตคอยน์มีความผันผวนและเป็นเหรียญที่เหมาะกับการเก็งกำไรมากเกินไป และคงใช้ระยะเวลาอีกนานมากก่อนที่ PepsiCo จะสามารถใช้ BTC เป็นเงินหมุนเวียนได้ บริษัทมหาชนหลายแห่งต่างซื้อ Bitcoin ด้วยเงินสดสำรองต่างจาก Pepsico และแม้แต่ MicroStrategy ที่นำโดย Michael Saylor ก็กลายเป็นผู้เผยแพร่ศาสนา BTC ในปัจจุบันพร้อมถือครองบิตคอยน์ประมาณ 5.1 พันล้านดอลลาร์ หลังจากซื้อมูลค่า 242.9 ล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน Bitcoin กลับมาที่ 50,000 ดอลลาร์ เป็นที่น่ายินดีที่ในที่สุด Bitcoin ก็สามารถฟื้นคืนสู่ระดับ 50,000 ดอลลาร์ได้แล้วในวันนี้ หลังจากที่เราพบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อต้นเดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงที่เอลซัลวาดอร์ประกาศให้ Bitcoin สามารถชำระค่าธรรมเนียมได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่หลังจากนั้นบิทคอยน์ก็ร่วงลงอย่างมากเมื่อจีนได้ประกาศห้ามทำธุรกรรมคริปโตอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงการห้ามขุดและดำเนินกิจกรรมทาง cryptocurrency ใด ๆ ก็ตามในประเทศจีน ทำให้หลายเหมืองขุดบิตคอยน์ต้องหายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมยังส่งผลให้มีกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Huobi และกระดานเทรดคริปโตที่เล็กกว่าบางส่วนออกจากตลาดจีนและทำให้ผู้ใช้ทั้งหมดลดลงในจีน อย่างไรก็ตามผู้ทรงอิทธิพลทางด้านคริปโทเคอร์เรนซี่บางรายยังคงกล่าวว่ายิ่งประเทศจีนมีอุตสาหกรรมคริปโตน้อยลงเท่าใดก็ยิ่งดี เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่คุกคามต่ออำนาจส่วนกลางและเขาเชื่อว่ารัฐบาลทั่วโลกไม่สามารถควบคุมและยับยั้งได้ แต่ Edward Snowden กลับเชื่อไปในทางบวกว่าการแบนคริปโตของจีนในครั้งนี้จะทำให้ BTC แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
กดอ่านข่าว รองประธานบริษัทของบริษัทยักษ์ใหญ่ PepsiCo กล่าวว่า Bitcoin จะกลายเป็นสกุลเงินแห่งอนาคต ต่อที่ Siam Blockchain