โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันปรับตัวลงเช้านี้ เนื่องจากสถานการณ์โควิดในหลายประเทศและโครงการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ทำให้นักลงทุนกังวลว่าอุปสงค์จะลดลง
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ขยับลง 0.13% เป็น 71.22 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 00:04 น. ET (4:04 น. GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.07% เป็น 68.76 ดอลลาร์
ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา รายงานการผลิตลดลง 5.080 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พฤษภาคม โดยลดลงมากกว่าตัวเลข 2.443 ล้านบาร์เรลที่คาดการณ์โดย Investing.com และ 1.662 ล้านบาร์เรลที่รายงานในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า
ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา ที่เผยแพร่เมื่อวันก่อน แสดงให้เห็นว่ามีการลดลง 5.360 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสถานการณ์โควิด โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดที่ล่าช้าและการแพร่ระบาดในประเทศต่าง ๆ เช่น บราซิลและอินเดีย ทำให้แนวโน้มความต้องการเชื้อเพลิงหมองลง
นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของ JPMorgan Chase ระบุในรายงานว่า “เรายังคงมองว่า การฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับโครงการฉีดวัคซีน สหรัฐอเมริกาและยุโรปก้าวหน้าไปมากในความพยายามที่จะผลิตวัคซีน”
รายงานดังกล่าวเสริมว่า โครงการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศเกิดใหม่ในเอเชีย บ่งชี้ว่า "ยังไม่มีจุดจบที่ชัดเจนต่อมาตรการเว้นระยะห่างของผู้คนในภูมิภาคเหล่านี้"
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) คาดการณ์ว่าความต้องการเชื้อเพลิงจะเกินอุปทานในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 พวกเขาตกลงกันว่า จะทำการควบคุมอุปทานต่อไปจนถึงเดือนกรกฎาคม ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ระบุเกี่ยวกับนโยบายด้านอุปทานในอนาคต
อเล็กซานเดอร์ ไดคอฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Gazprom Neft PJSC กล่าวกับ Bloomberg ว่า OPEC+ อาจต้องเพิ่มอุปทานเชื้อเพลิงในเดือนสิงหาคมหรือกันยายน เพื่อให้สอดคล้องกับอุปสงค์ที่ฟื้นตัว
นักลงทุนรายอื่น ๆ ยังคงมองในแง่ดี
“ตลาดสามารถรองรับอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม OPEC+ ได้อย่างแน่นอน” โดมินิค ชไนเดอร์ หัวหน้าฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในเอเชียแปซิฟิกของ UBS Global Wealth Management กล่าวกับ Bloomberg พร้อมเสริมว่า การแพร่ระบาดของโควิดในบางส่วนของเอเชีย ไม่น่าจะทำให้การฟื้นตัวทั่วโลกหยุดชะงัก