InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 2% ในวันศุกร์ (8 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันของอุปทานน้ำมันที่เกิดจากพายุเฮอร์ริเคนในอ่าวเม็กซิโก และนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.98 ดอลลาร์ หรือ 2.74% ปิดที่ 70.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.76 ดอลลาร์ หรือ 2.33% ปิดที่ 73.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
กลุ่มผู้ผลิตพลังงานในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ หยุดการผลิตน้ำมันไปมากกว่า 23% ในวันศุกร์ (8 พ.ย.) เพื่อเตรียมรับมือกับพายุเฮอร์ริเคนราฟาเอล อย่างไรก็ตาม การพยากรณ์เส้นทางและความรุนแรงของพายุล่าสุดได้ลดความเสี่ยงที่ราฟาเอลจะมีผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน
ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า พายุดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายในคิวบาเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 2 ในวันศุกร์
นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดน้ำมันต่างผิดหวังกับการประกาศมาตรการสนับสนุนทางการเงินรอบล่าสุดของจีน
จิโอวานนี สตาวูโนโว นักวิเคราะห์ของยูบีเอสกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนประกาศมาตรการบรรเทาความตึงเครียดในการชำระหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น แต่มาตรการเหล่านั้นแทบไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นอุปสงค์โดยตรง
แรงกดดันด้านเงินฝืดต่อเศรษฐกิจจีนเป็นปัจจัยถ่วงราคาน้ำมันอย่างมากในปีนี้ โดยข้อมูลศุลกากรแสดงให้เห็นว่า การนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนต.ค.ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่หกเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ถึงแม้ราคาน้ำมันลดลงในวันศุกร์ แต่ราคายังคงเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% เมื่อเทียบเป็นรายสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดขึ้นต่ออิหร่านและเวเนซุเอลา ซึ่งอาจทำให้ปริมาณน้ำมันลดลงในตลาดโลก
นอกจากนี้ การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) ได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ในการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดี