InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (21 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าอิสราเอลอาจจะล้างแค้นอิหร่าน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในภูมิภาคแห่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 1.94% ปิดที่ 70.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.68% ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาน้ำมันเบรนท์ดิ่งลงกว่า 7% และราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงราว 8%
สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน โดยรายงานระบุว่า เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมตรีอิสราเอลได้จัดประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อหารือเกี่ยวกับการโจมตีอิหร่าน เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอลในช่วงต้นเดือนต.ค. และล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 ต.ค.) เกิดเหตุการณ์โดรนลำหนึ่งของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ถูกจุดระเบิดขึ้นใกล้กับบ้านพักส่วนตัวของเนทันยาฮู
ทางด้านสหรัฐฯ แนะนำอิสราเอลให้หลีกเลี่ยงการโจมตีเป้าหมายด้านพลังงานในอิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) แต่สำนักนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูประกาศว่าอิสราเอลจะตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตนเอง
ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งล่าสุดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ทั้งประเภท 1 ปีและ 5 ปีลง 0.25% เมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราส่วนการกันสำรอง (RRR) สำหรับธนาคารพาณิชย์ลงอีกภายในสิ้นปี
นอกจากนี้ จีนยังเปิดเผยว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัว 4.6% ในไตรมาส 3/2567 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 4.5%