InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (9 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่าพายุเฮอร์ริเคนอาจพัดถล่มรัฐลุยเซียนาของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตและการกลั่นน้ำมันในเขตกัลฟ์โคสต์ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.54% ปิดที่ 68.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.10% ปิดที่ 71.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
รายงานระบุว่า บริษัทผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซตามแนวชายฝั่งของเขตกัลฟ์โคสต์ได้เริ่มอพยพพนักงานและลดการขุดเจาะน้ำมัน เพื่อเตรียมรับมือกับพายุโซนร้อน ฟรานซีน (Francine) ที่กำลังพัดผ่านอ่าวเม็กซิโก
ศูนย์พายุเฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า พายุโซนร้อนฟรานซีนจะทวีความรุนแรงเป็นพายุเฮอร์ริเคนในวันนี้ (10 ก.ย.) ก่อนที่จะพัดถล่มชายฝั่งรัฐลุยเซียนา โดยข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ระบุว่า เขตกัลฟ์โคสต์มีการผลิตน้ำมันในสัดส่วนสูงถึง 50% ของกำลังการกลั่นน้ำมันภายในประเทศ
นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยเฉพาะลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของโอเปก โดยล่าสุดมีรายงานว่าบรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (National Oil Corp) ได้ประกาศภาวะสุดวิสัย (Force Majeure) สำหรับการขนส่งน้ำมันดิบหลายเที่ยวจากท่าเรือเอส ซิเดอร์ (Es Sider) เนื่องจากการผลิตน้ำมันของลิเบียเป็นไปอย่างจำกัด อันเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมืองในประเด็นที่ว่ารัฐบาลของฝั่งใดจะมีอำนาจในการควบคุมธนาคารกลางลิเบียและรายได้จากน้ำมัน
ทั้งนี้ ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ข้อพิพาทด้านแรงงาน การประท้วง การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนส.ค.ในวันพฤหัสบดี เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.ย.
นักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน