InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันศุกร์ (2 ส.ค.) แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนกดดันตลาดด้วย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 73.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 2.71 ดอลลาร์ หรือ 3.41% ปิดที่ 76.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์นั้นร่วงลงมากกว่า 3 ดอลลาร์/บาร์เรลแตะระดับต่ำสุดของวัน
การจ้างงานของสหรัฐชะลอตัวเกินคาดในเดือนก.ค.และการว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 179,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%
ข้อมูลเศรษฐกิจจากจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ และผลสำรวจที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตอ่อนแอลงทั่วเอเชีย, ยุโรป และสหรัฐได้เพิ่มความเสี่ยงเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลกซึ่งจะลดความต้องการใช้น้ำมัน
การประชุมกลุ่มโอเปกพลัสเมื่อวันพฤหัสบดี (1 ส.ค.) ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่ม ซึ่งรวมถึงแผนการที่จะเริ่มยกเลิกการปรับลดการผลิตน้ำมันบางส่วนตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป
บรรดานักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านระบุว่า ความขัดแย้งกับอิสราเอลได้เข้าสู่เฟสใหม่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่า ยังไม่เกิดภาวะชะงักงันของอุปทานน้ำมันจากภูมิภาคนี้แต่อย่างใด ขณะที่ราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์เพียงไม่กี่วัน หลังจากที่การสังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านสนับสนุน อาทิ กลุ่มฮามาสและฮิซบอลเลาะห์นั้น ทำให้เกิดความกังวลกันว่าจะเกิดสงครามอย่างเต็มรูปแบบ