Investing.com - ราคาทองคำขยับลงเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้ และยังคงเคลื่อนไหวในกรอบราคา เนื่องจากเทรดเดอร์ส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะหันเข้าหาเงินดอลลาร์ก่อนรายงานเงินเฟ้อที่สำคัญซึ่งคาดว่าจะมีผลต่ออัตราดอกเบี้ย
ทองคำฟื้นตัวเล็กน้อยในวันพฤหัสบดีหลังร่วงลงต่ำกว่า $2,300 ต่อออนซ์เมื่อต้นสัปดาห์ แต่ยังคงติดอยู่ในกรอบการซื้อขาย
ทองคำสปอต ปรับลง 0.3% เป็น 2,320.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ทองคำฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนสิงหาคมลดลง 0.3% เป็น 2,330.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาสปอตมีการปรับลดลงในเดือนมิถุนายน แม้ว่าจะเตรียมพร้อมสำหรับการเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สอง
ทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบก่อนข้อมูลเงินเฟ้อ PCE
ทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบราคาตลอดเดือนมิถุนายน ท่ามกลางความไม่แน่นอนกี่ยวกับแนวทางอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ ขณะที่บางข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐเย็นตัวลง ด้านเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐก็เตือนว่าเงินเฟ้อที่สูงยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้การลดอัตราดอกเบี้ยล่าช้า
ด้วยเหตุนี้ ความสนใจของตลาดจึงมุ่งไปที่ข้อมูลดัชนีราคา PCE ในวันศุกร์ ซึ่งรายงานดังกล่าวถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดต้องการ และคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายประจำปีที่ 2% ของธนาคารกลาง
อัตราดอกเบี้ยสูงเป็นผลเสียต่อตลาดโลหะ เนื่องจากมันเพิ่มต้นทุนเสียโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน
โลหะมีค่าอื่น ๆ ก็เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคาในวันนี้ แต่ยังคงเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในไตรมาสที่สอง
แพลทินัมฟิวเจอร์ส ปรับขึ้น 0.6% เป็น 1,010.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ แร่เงินฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 29.328 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ความคาดหวังของการลดอัตราดอกเบี้ยได้ทำให้เกิดการเติบโตในตลาดโลหะในไตรมาสที่สอง แต่เทรดเดอร์ก็ได้ลดความคาดหวังเหล่านี้ในเดือนมิถุนายน ซึ่งทำให้ราคาโลหะส่วนใหญ่สูญเสียกำไรในไตรมาสนี้
ทองแดงเผชิญการขาดทุนในเดือนมิถุนายน จับตาข้อมูล PMI ของจีน
ในบรรดาโลหะอุตสาหกรรม ราคาทองแดงปรับขั้นในวันนี้ แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ขาดทุนในเดือนมิถุนายนเนื่องจากความรู้สึกเชิงลบต่อผู้นำเข้าสำคัญอย่างจีน
ทองแดงฟิวเจอร์ส ของ London Metal Exchange เพิ่มขึ้น 0.6% เป็น 9,576.50 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ ทองแดงฟิวเจอร์สอายุหนึ่งเดือน เพิ่มขึ้น 0.8% เป็น 4.3695 ดอลลาร์ต่อปอนด์ แต่ทั้งสองดัชนีขาดทุนระหว่าง 4% ถึง 5.5% ในเดือนมิถุนายน
การขาดทุนในทองแดงเกิดจากความสงสัยที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอุปสงค์ทั่วโลกที่แข็งแกร่ง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในประเทศชั้นนำแย่ลง จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าอันดับต้น ๆ ก็กลายเป็นความกังวลท่ามกลางสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นกับตะวันตก
ความสนใจของตลาดจึงไปอยู่ที่ข้อมูล PMI ของจีนซึ่งจะเผยแพร่ในสุดสัปดาห์นี้